การให้..ถูกที่..ถูกเวลาสำคัญที่สุด

..การให้..ถูกที่..ถูกเวลาสำคัญที่สุด..

คือ..ให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน..
..คนให้ก็สุขใจ..คนรับสุขใจยิ่งกว่า..

..ของที่มอบให้จะรับประทานได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์..เวลานั้นคงมีหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐเข้ามาช่วยอีก..ทำให้ความห่วงใย..เบาบางลง..

..ถึงแม้จะช่วยได้เพียงน้อยนิด..ก็รู้สึกได้ว่า “ทุกคนชื่นใจ”
..พร้อมทั้งคณะที่ร่วมด้วยช่วยกันก็สุขใจ..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

คนไทยไม่ทิ้งกัน…

คนไทยไม่ทิ้งกัน
สรุปยอดข้าวของที่นำมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม 10-11-12-13 กันยายน 2562
ณ.จังหวัดยโสธร
ข้าวเหนียวหุงสุกพร้อมแจก 7,500 กิโลกรัม
แพคใส่ถุง 37,500ถุง
ข้าวสารเหนียว 2,120 ถุง 10,600กิโลกรัม
น้ำดื่ม 4,500 โหล 54,000ขวด
ไข่ไก่ 2,500 แผง 75,000ฟอง
ไก่ทอด 1,500 กิโลกรัม
ลูกชิ้นทอด 200 กิโลกรัม
ปลากระป๋อง 5,000 กระป๋อง
ผ้าห่มอย่างดี 1,000 ผืน
กระดาษห่อไก่ 50 กิโลกรัม
ถุงใส่ปลาร้า แตงกวา ขนม 100 กิโลกรัม
น้ำพริกปลาร้า 1,000 กิโลกรัม
แตงกวาสด 1,4000 กิโลกรัม
น้ำมันพืช 20 ปี้บ
ปลาช่อนแดดเดียว 200 กิโลกรัม
แป้งอเนกประสงค์ 100 กิโลกรัม
พริกไทยกระเทียมสับละเอียด40กิโลกรัม
ขนมปังปี้บ 30 ปี้บ
แก๊ส5ถังใหญ่

คณะโรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร
อำนวยความสะดวกให้สถานที่และ
เจ้าหน้าที่ร่วมแพคอาหาร ตลอดจนลำเรียง
อาหารและเครื่องยังชีพถึงผู้ประสบภัย

คณะบ้านเพชรบำเพ็ญและศิษย์ 38คน
ทำอาหารหน้าเตาส่งพื้นที่น้ำท่วม

ปัจจัยที่ส่งมาจากทั่วประเทศและคณะ
เจ้าภาพเป็นเงินทั้งสิ้น 2,400,000บาท

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ไว้ใจร่วมบุญมา

ขออาราธานาคุณพระศรีรัตนตรัย คุณของบิดามารดาจงส่งผลให้ทั้งผู้ให้และผู้รับจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิพาน
ธนสารสมบัติ ธนสารสมบัติเทอญ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอังคารที่10กันยายน 2562 นำอาหารช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ยโสธร ข้าวเหนียว น้ำพริกปลาร้า ปลากระป๋อง ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำดื่ม ไข่ไก่ 5,000 ชุด

วันอังคารที่10กันยายน 2562

นำอาหารช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ยโสธร
ข้าวเหนียว น้ำพริกปลาร้า ปลากระป๋อง ข้าวเหนียวมะม่วง
น้ำดื่ม ไข่ไก่ 5,000 ชุด

มอบให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 10 หมู่บ้าน

กำลังใจของทุกท่านที่มอบให้กับทุกคนในวันนี้ที่ยโสธร
เป็นความทรงจำที่ดีที่สุด

ขอบพระคุณเจ้าของโรงพยาบาลรวมแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่
ทุกท่านที่อำนวยความสะดวกให้คณะบ้านเพชรบำเพ็ญได้ใช้สถานที่แพคห่อบรรจุอาหารได้สำเร็จเรียบร้อย

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

บางสถานการณ์ ควรเงียบ เงียบดีที่สุด อย่าซ้ำเติม หรือเอาชนะ

บางสถานการณ์ ควรเงียบ เงียบดีที่สุด
อย่าซ้ำเติม หรือเอาชนะ

ทุกชีวิตในความเป็นมนุษย์ จะถูกตัดสิน
รับโทษเพราะทำผิดกฎหมาย

เวรกรรมผิดศีลผิดธรรม เป็นเสมือนเชื้อไฟ
เผาให้ร้อนรน ก้าวร้าว ยึดมั่น หึงหวง

ทุกชีวิตต่างต้องการความรักความอบอุ่น
จากคนที่เรารัก ใช่ว่าจะได้รับเสมอไป

คนของเราอาจแพ้ใจแบ่งรักให้คนอื่น
ดูเหมือนเขาไม่ได้รู้สึกว่าทำผิดอะไร

นั่นคือธรรมชาติของคนมีกรรมร่วมกัน
กฎแห่งกรรม ทำงานคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง

เลิกประชด เลิกทะเลาะ ไม่ทำร้ายใจตนเอง
ปล่อย วาง เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป

รักตัวเองให้มาก ดีกว่าหาความรักจากคนอื่น
เรื่องนี้เกิดจากวจีกรรม คำว่าคบซ้อน

อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือสติ
สมบัติผลัดกันชม
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้
ไม่มีอะไรเป็นสมบัติของเรา

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

เกิดมาแล้วใช้ทุกลมหายใจให้มีค่า

..เกิดมาแล้วใช้ทุกลมหายใจให้มีค่า..

..อย่าเสียเวลากับอคติในใจ..
..ทำไมไม่รักเรา ทำไมไม่ช่วยเรา..
..เก็บความคิดเหล่านี้ออกไปจากใจ..
..ตั้งใจทำหน้าที่ของเราด้วยสติ..

..อย่าปล่อยใจให้ทรุดโทรม..
..ยิ้มสวยๆ คิดเรื่องที่ทำให้สุขใจ..
..เที่ยวบ้างก็ได้ แต่งตัวสวยก็ได้..
..บริหารเวลาให้ชีวิตสดชื่น..

..ไม่คิดลบ เลิกปรุงแต่ง..
..วันต่อวัน มีความสุขกับหน้าที่..
..แค่นี้..แค่นี้..ลมหายใจมีค่าทันที..
..ชีวิต Brandname..(ชีวิตมีคุณภาพ)

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

ชีวิตล้วนถูกทดสอบด้วยเคราะห์กรรม…

ชีวิตล้วนถูกทดสอบด้วยเคราะห์กรรม
เกิดหลุมดำ..ตกอยู่..ในวิบากกรรม

กรรมมีเหยื่อล่อ..เห็นช่องทางให้คตโกง
ทำในสิ่งไม่ควรทำ..เห็นผิดเป็นถูก
มีมานะถือตัวถือตน..ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป

ลักษณะของน้ำ..อยู่ในที่ร้อน..น้ำจะร้อน
อยู่ในที่เย็น..น้ำก็จะเย็น

สอบให้ผ่านเคราะห์กรรมได้
เลือกเอาชนะใจตนเอง
มีโอกาสจงเลือก พูดดี คิดดี ทำดี
ไม่ถือสาหาความผิด..ความถูก

อยู่ให้เป็น..ร้อนแค่ไหนก็เย็น
อยู่ไม่เป็น..เย็นแค่ไหนก็ร้อน

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562 ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร และผู้ปฎิบัติธรรม ณ.วัดพิชยญาติการามวรวิหาร

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร และผู้ปฎิบัติธรรม
ณ.วัดพิชยญาติการามวรวิหาร

ตลอดจนบำเพ็ญกุศลน้อมอุทิศแด่
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ ในพระโกศ
ตลอด100วัน

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์และผู้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ณ.บ้านเพชรบำเพ็ญ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตลอด7เดือนน

ถวายข้าวมันไก่500จานข้าวเหนียวมะม่วง500ชุด
งานเทศน์มหาชาติ
ณ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย อ.วังน้อย

ถวายอุปฐากพระสงฆ์และผู้ปฎิบัติตลอดพรรษา
ณ.วัดลาวนานาชาติ พุทธคยา

ขออนุโมทนากับทุกเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกวัน
ขอกุศลผลบุญนี้ส่งผลให้ทุกท่านเจริญด้วย อายุ วรรณะ
สุขะ พละ ปฎิพาน ธนสารสมบัติ ทุกประการเทอญ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562 ถวายข้าวมันไก่500จาน ข้าวเหนียวมะม่วง 500ชุดในงานเทศน์มหาชาติ โครงการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย ณ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562

ถวายข้าวมันไก่500จาน ข้าวเหนียวมะม่วง 500ชุดในงานเทศน์มหาชาติ โครงการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย
ณ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ
ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันพระขึ้น15ค่ำเดือน9 เวลา 13.00 น. เทศน์เนื่องในวันพระให้แก่ผู้ปฎิบัติธรรมฟัง เรืองกรรม และกิเลสในการปฎิบัติธรรม

วันพระขึ้น15ค่ำเดือน9 เวลา 13.00 น.

เทศน์เนื่องในวันพระให้แก่ผู้ปฎิบัติธรรมฟัง เรืองกรรม
และกิเลสในการปฎิบัติธรรม
————————————————
ชีวิตนี้น้อยนักต้องแสวงหากุศลให้ตนเอง เพราะไม่มีขาย
ทำถูกที่ถูกเวลา ประโยชน์เกิดทั้งผู้ให้และผู้รับ

ถวายปัจจัยช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สหภาพเมียนมาร์

อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2562 วันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน9 ณ.บ้านเพชรบำเพ็ญ

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2562
วันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน9 ณ.บ้านเพชรบำเพ็ญ

พระสงฆ์ลงโบสถ์ฟังพระปาฎิโมกข์ในฤดูฝนที่2

ทำกุศลให้ถึงพร้อม
เว้นจากความชั่ว
ทำจิตให้ผ่องใสเบิกบาน

อนุโมทนากับเจ้าภาพทุกท่าน ขออนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย จงส่งผลให้ท่านเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
ปฎิพาน ธนสารสมบัติ ธนสารสมบัติ ตลอดเวลา

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

ทรงพระเจริญ ๒๘ กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงพระเจริญ
๒๘ กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
และคณะศิษย์บ้านเพชรบำเพ็ญ

อ่านหนังสือวันละหน้า : สอบไม่ผ่าน

อ่านหนังสือวันละหน้า
สอบไม่ผ่าน

นักปฎิบัติเช่นเราต้องต่อสู้กับอารมณ์ของความความพลัดพราก
จิตใจเศร้าหมองหดหู่ เมื่อทราบว่าผู้อันเป็นที่รักจากไป

ความโศกเศร้ามีกำลังมากกว่าสติ ทำให้ร้องไห้ตลอดเวลา

รู้สึกว่าเป็นอะไรถึงเสียใจขนาดนี้
โทรศัพท์หาพระวิปัสสนาจารย์
ปรึกษาท่านว่าอารมณ์เช่นนี้คืออะไร

ท่านเมตตาเทศน์ให้ฟังว่าเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าดับขันถ์ปรินิพพาน มิใช่เพียงพระอานนท์ที่เกาะสลักประตูร่ำไห้

พระสงฆ์ทั้งหลายที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ก็รำ่ไห้

ในเวลาเดียวกันเหล่าเทวดาทั้งหลายก็สยายผม
เกลือกกลิ้งกับอากาศร่ำไห้ ดั่งอากาศเป็นแผ่นดิน

มีเพียงพระ อรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีความเศร้าโศก
พระอานนท์ท่านเป็นพระโสดาบัน ยังไม่ใช่พระอรหันต์จึงร่ำไห้เศร้าโศก

แม่ชีถามท่านว่า อารมณ์นี้เกิดจากอะไร เพราะเป็นคนอดทน
อดกลั้น แต่กลั้นอารมณ์นี้ไม่ไหว มันแอบเข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้

ท่านว่ามันคืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ยึดถือผูกพันธ์ มันไม่ได้แอบเข้ามาแต่มันมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้ว อุปาทานตัวนี้
มีความพอใจ ไม่พอใจผูกอยู่ เมื่อเห็นอะไร
ที่ไม่ถูกใจจึงเกิดความหดหู่

————————————–

ความเป็นมนุษย์ที่ฝึกสติตลอดเวลา ใช่ว่าจะละอารมณ์เช่นนี้ได้ เมื่อไหร่ที่ขาดสติ ปล่อยให้อุปาทานมีกำลังมากกว่า ย่อมถูกครอบงำด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา เป็นธรรมดา

ทุกข์ในอริยสัจ มี ตัณหา อุปทาน ที่ต้องฝึกละ
และดับจนกว่าจะไม่เหลือเชื้อ

ข้อสอบที่อ่านผ่านการสวดธัมจักรเป็นเวลา
หลายสิบปี เพิ่งเข้าใจ เพิ่งเข้าไปในใจ
เช่นนี้เองจึงสอบไม่ผ่าน คร่ำครวญน่าเวทนา
——————————————————
อุปาทาน
อุปาทาน  ความยึดมั่น,   ความถือมั่นยึดมั่นด้วยอำนาจของกิเลส   หรือความยึดมั่นถือมั่นให้เป็นไปตามอำนาจของตัณหา  หรือความยึดมั่นถือมั่นตามความพึงพอใจของตัวของตน  มี ๔ ประการ คือ

๑. กามุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นในกาม คือ ยึดมั่นใน รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ(สัมผัส) เนื่องด้วยตัณหาความกำหนัดในสิ่งต่างๆเหล่านั้นด้วยอำนาจของกิเลส

ไม่รู้ด้วยอวิชชาว่าสังขารเหล่านั้นทั้งหลายทั้งปวงล้วนอยู่ภายใต้กฎพระไตรลักษณ์
มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์เพราะทนอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตา เป็นธรรมดา  จึงควบคุมไม่ได้อย่างแท้จริง

(กามุปาทาน – ความยึนมั่นในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าใคร่ น่าพอใจ : จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยท่านพระธรรมปิฏก)

๒.ทิฏฐุปาทาน  ความยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิ คือ ยึดมั่นในความเห็น  ความเชื่อ  ความคิด  หรือในทฤษฎีของตัวของตน

จึงไม่เชื่อหรือแอบต่อต้านในสิ่งต่างๆที่ขัดแย้งหรือไม่ลงรอยไปกับความคิด ความเห็น ความเชื่อ หรือทฤษฎีของตัวของตนเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นจิตจึงไม่ยอมศึกษาหรือพิจารณาอย่างจริงจังในความคิดความเห็นอื่นๆที่ถูกต้องและดีงามแต่ขัดแย้งกับความเชื่อความเห็นเดิมๆของตน   เกิดความรู้สึกต่อต้าน ขัดแย้ง ไม่พอใจในสิ่งต่างๆ ที่ไม่ตรงความเชื่อความเข้าใจของตัวของตนโดยไม่รู้ตัวด้วยอวิชชา

จึงทำให้ไม่สามารถเห็นหรือเข้าใจในสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงที่เป็นไปของธรรมหรือสิ่งนั้นๆได้อย่างปรมัตถ์หรือถูกต้องดีงาม
(ทิฏฐุปาทาน – ความยึดมั่นในทิฏฐิหรือทฤษฎี คือความเห็น ลัทธิ หรือหลักคำสอนต่างๆ  : จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยท่านพระธรรมปิฏก)

๓. สีลัพพตุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นในศีล(ข้อสำรวมระวังไม่ล่วงละเมิด) และพรต(ข้อที่พึงถือปฏิบัติ)  แต่เป็นการยึดมั่นด้วยอำนาจกิเลส ดังเช่น ตามความเชื่อหรือตามการปฏิบัติที่ทำตามๆกันต่อมาแต่ไม่ถูกต้องโดยงมงายด้วยอวิชชา

เช่น พ้นทุกข์ได้โดยถือศีลแต่ฝ่ายเดียวไม่ต้องปฏิบัติวิปัสสนาให้เกิดปัญญา,  ปฏิบัติแต่สมาธิแล้วจะบรรลุมรรคผลต่างๆจากสมาธิโดยตรงจึงขาดการวิปัสสนา,

อ้อนวอนบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนาๆ,  ทรมานตนเพื่อบรรลุธรรม,  คล้องพระเพื่อคงกระพัน โชคลาภ,  ทำบุญแต่ฝ่ายเดียวเพื่อหวังมรรคผล,  ล้างบาปได้

(สีลัพพตุปาทาน  – ความยึดมั่นในศีลและพรต คือ หลักความประพฤติ ข้อปฏิบัติ แบบแผน ระเบียบ วิธี ขนบธรรมเนียมประเพณี ลัทธิพิธีต่างๆ ถือว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นๆ

โดยสักว่ากระทำสืบๆ กันมา หรือปฏิบัติตามๆ กันไปอย่างงมงาย หรือโดยนิยมว่าขลัง ว่าศักดิ์สิทธิ์ มิได้เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจตามหลักความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล
: จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยท่านพระธรรมปิฏก)

๔. อัตตวาทุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นในคำพูด(วาทุ-วาทะ)ที่ใช้แสดงความเป็นของตัวเป็นของตน  จึงเกิดการไปหลงคิดหลงยึดหรือจดจำ(สัญญา)เอาอย่างเป็นจริงเป็นจังว่าเป็นของตัวของตนอย่างแท้จริงโดยไม่รู้ตัวด้วยอวิชชา

กล่าวคือ เกิดความหลงยึดเนื่องจากวาทะการพูดจาเพื่อใช้สื่อสารกันให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันในสิ่งต่างๆในทางโลกโดยไม่รู้ตัวและซึ่งย่อมเกิดขึ้นและเป็นไปอย่างประจำสม่ำเสมอในการดำรงชีวิต

จึงเกิดการซึมซับแล้วซึมซ่านไปย้อมจิตให้หลงไปยึด ไปหลงในคำพูดต่างๆเหล่านั้นว่า เป็นจริงเป็นจังอย่างจริงแท้แน่นอน เช่น คำพูดในการแสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น นี่บ้านฉัน  นั่นรถฉัน  แฟนฉัน  สมบัติฉัน  นี่ของฉัน

จิตจึงไปหลงยึดด้วยอวิชชาความเคยชินในคำพูดที่แสดงความเป็นตัวของตนเหล่านั้น ที่ใช้สื่อสารเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในทางโลกๆเข้าไปโดยไม่รู้ตัวอยู่เป็นประจำด้วยอวิชชา

(อัตตวาทุปาทาน  ความยึดมั่นในวาทะว่าตัวตน คือ ความถือหรือสำคัญหมายอยู่ในภายในว่า มีตัวตน ที่จะได้ จะเป็น จะมี จะสูญสลาย ถูกบีบคั้นทำลายหรือเป็นเจ้าของ เป็นนายบังคับบัญชาสิ่งต่างๆ ได้ ไม่มองเห็นสภาวะของสิ่งทั้งปวงอันรวมทั้งตัวตนว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ประชุมประกอบกันเข้า เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งหลายที่มาสัมพันธ์กันล้วนๆ

: จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยท่านพระธรรมปิฏก)

สิ่งต่างๆทั้ง๔ เหล่านี้  ล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว  เริ่มเป็นไปตั้งแต่เกิดจวบจนปัจจุบัน หรือเป็นไปดังนี้เสียนานจนไม่รู้ว่าสักกี่ภพกี่ชาติมาแล้วนั้น  โดยไม่เคยคิดที่จะหยุดยั้งกระบวนการจิตเหล่านี้เลย เนื่องเพราะความ

ไม่รู้(อวิชชา)นั่นเอง จึงปล่อยให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติของปุถุชนหรือสรรพสัตว์ทั่วไป

ดังนั้นอุปาทานนี้จึงมีอยู่แล้วตามที่ได้สั่งสมมาแต่ช้านานดังข้างต้น  แต่ในสภาพที่นอนเนื่องอยู่ ยังไม่ได้ถูกกระตุ้นเร่งเร้าด้วยเหตุปัจจัยใดๆ  จึงอยู่ในสภาพที่เรียกกันทั่วๆไปว่า ดับ อยู่   กล่าวคือ นอนเนื่องอยู่อยู่ในสภาพของอาสวะกิเลส   หรือกิเลสที่นอนเนื่องซึมซาบย้อมจิตนั่นเอง

เมื่ออุปาทานที่นอนเนื่อง ในรูปของอาสวะกิเลสชนิดหนึ่ง  เกิดการถูกกระตุ้นปลุกเร้า  เหตุปัจจัยโดยตรงที่ปลุกเร้าก็คือตัณหา อันเป็นไปตามวงจรปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง กล่าวคือ  เมื่อเกิดตัณหาความอยากหรือไม่อยากใน เวทนา (ความรู้สึกรับรู้อันเกิดแต่การผัสสะ)

อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นในจิตแล้ว   สิ่งเหล่านั้นยังเป็นเพียงแค่ความปรารถนาอันเกิดมาแต่เวทนา แต่ยังไม่เกิดขึ้นหรือเป็นเพียงนามธรรมอยู่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล

โดยธรรมชาติของจิต จึงต้องเกิดปฏิกริยาต่อตัณหาเหล่านั้นตามอุปาทานที่สั่งสมไว้ดังข้างต้น  โดยการตั้งเป้าหมายหรือการที่ต้องยึดมั่น ก็เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายหรือสัมฤทธิ์ผลเป็นตัวเป็นตนขึ้นตามความต้องการ ให้เป็นไปตามตัณหาความปรารถนาของตัวของตนนั้นๆที่เกิดขึ้น

ก็เพื่อให้ตัวตนของตนได้รับความพึงพอใจจากการได้รับการตอบสนองอันเป็นไปตามตัณหาความอยากนั่นเอง   อันเป็นพื้นฐานโดยธรรมชาติในการดำรงคงชีวิตอย่างหนึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย    และในทางธรรมะก็จัดว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นธรรมชาติ

เพียงแต่เป็นธรรมชาติที่ก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นของสรรพสัตว์โดยถ้วนหน้าด้วยเช่นกัน

เมื่ออุปาทานเกิดขึ้น  ที่หมายถึง อุปาทานที่สั่งสมนอนเนื่องอยู่ได้ถูกปลุกเร้าให้ผุดขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยตัณหาเป็นปัจจัยแล้ว  สิ่งต่างๆที่ดำเนินเกิดขึ้นและเป็นไปต่อจากนั้นในจิต

จึงย่อมถูกครอบงำไว้ด้วยกำลังของอุปาทาน ที่มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ความพึงพอใจของตัวของตนเป็นสำคัญโดยไม่รู้ตัว  จึงไม่เห็นสิ่งต่างๆตามที่มันเกิดขึ้นและเป็นไปตามความเป็นจริง

แต่เห็นและอยากให้เป็นไปตามความพึงพอใจของตัวของตนเป็นสำคัญแต่ฝ่ายเดียวและโดยไม่รู้ตัวด้วยอวิชชา   จึงผูกมัดสัตว์ไว้กับกองทุกข์มาตลอดกาลนาน
———————————
ไม่มีใครดีเลย เราดีคนเดียว

เมื่อวานนี้เป็นอดีตไปแล้ว

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

อย่าเอาความยึดมั่นถือมั่น มาทำร้ายจิต
ให้เศร้าหมองอีกเลย

กราบพระวิปัสสนาจารย์ที่ให้ความสว่างเกิดขึ้นในจิต ด้วยความเคารพอย่างสูง

ดร.แม่ชี ทศพร วชิระบำเพ็ญ