วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้า
ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอยุธยา
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567
ณ.วัดโคก ต.พุดเลา อ.บางประหัน
จ.พระนครศรีอยุธยา
ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์ 700 รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ณ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2567

วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้า
ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

คณะพระธุดงค์และประชาชน
ทอดผ้าป่าโดยเสด็จพระราชกุศล
ถวายปัจจัยจำนวน100,000บาท
แก่เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จ.อ่างทอง
ถวายปัจจัย40,000ค่าน้ำค่าไฟ
ณ.วัดพินิจธรรมสาร ตำบลบางปลากด อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
มอบปัจจัยจำนวน 100,000บาท
แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง ใช้จ่ายเพื่องานพระพุทธศาสนา
และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน30,000บาท

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์ 700 รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ณ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

ประกาศตามวันเวลาในภาพ

ประกาศตามวันเวลาในภาพ
ท่านสามารถร่วมทำวัตรสวดมนต์ฟังเทศน์
ถวายสังฆทานกับคณะสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่
ได้ทุกวันนะคะ
———————–

กาลครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลได้รับสั่งให้สันตติมหาอำมาตย์ไปปราบปรามโจรที่กำลังฮึกเฮิมอย่างหนัก
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงทราบว่ามหาอำมาตย์ปราบโจรได้อย่างราบคาบแล้ว ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานทรัพย์สมบัติให้เป็นจำนวนมาก
รวมทั้งหญิงสาวที่เก่งในการร้องเพลงและฟ้อนรำนางหนึ่ง

สันตติมหาอำมาตย์ได้ดื่มเหล้าฉลองชัยชนะจนเมามายถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ในวันที่ เจ็ดเขาจัดแจงแต่งตัวด้วยอาภรณ์อย่างดี แล้วขี่ช้างตัวที่ดีที่สุดไปยังท่าอาบน้ำ
เมื่อไปถึงก็เห็นพระศาสดากำลังเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมือง เขาจึงผงกศีรษะถวายบังคมด้วยความเคารพ ในขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างนั่นเอง

เมื่อพระศาสดาทรงเห็น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์จึงทูลถามถึงสาเหตุที่พระองค์ทรงแสดงกิริยาเช่นนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า

“อานนท์ เธอจงดูสันตติมหาอำมาตย์ วันนี้เขาประดับด้วยอาภรณ์อย่างดี มาสู่สำนักเรา เขาจะบรรลุพระอรหัตเพียงเพราะไดัฟังธรรมเพียงนิดเดียว เท่านั้นเอง และจะปรินิพพานในอากาศ”

บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังคำของพระศาสดา บางพวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคิดว่า

“ท่านทั้งหลาย จงดูกิริยาของพระสมณโคดม พระองค์ย่อมพูดสักแต่ปากเท่านั้น ในวันนี้สันตติมหา-อำมาตย์นั้นเมาสุราอย่างหนัก จะได้ไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ไหน พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมที่กล่าวมุสาวาท”

ส่วนพวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิคิดกันว่า

“น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภาพมาก ในวันนี้ เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพระพุทธเจ้า และการเยื้องกรายของสันตติมหาอำมาตย์”

ฝ่ายมหาอำมาตย์หลังลงเล่นน้ำตลอดทั้งวันที่ท่าอาบน้ำแล้ว จึงกลับไปสู่อุทยาน และไปนั่งในโรงดื่ม ขณะที่หญิงสาวที่พระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชทานให้นั้น ก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่กลางเวทีเตรียมจะฟ้อนรำให้มหาอำมาตย์ดู แต่พอเริ่มจะแสดง นางก็กลับมีลมพิษเกิดขึ้นในท้องอย่างหนัก ปากอ้า ตาเหลือก และในที่สุดก็ขาดใจตาย สาเหตุเพราะกินอาหารน้อยมาตลอด ๗ วัน เพื่อให้ร่างกายอ้อนแอ้นน่าชมนั่นเอง

เมื่อมหาอำมาตย์รู้ว่านางตายแล้ว เขาก็เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้าขึ้นมา กระทั่งส่างเมาทันที พิษของสุราที่ดื่มมาตลอด ๗ วัน ได้เสื่อมหายไป เขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถระงับความโศกเศร้าของเขาได้ เขาจึงไปขอเข้าเฝ้า พระศาสดาในตอนเย็นพร้อมกับบริวาร และกราบทูลถึงเหตุแห่งความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับตนและเหตุที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้า

ครั้นพระศาสดาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงตรัสว่า
“ท่านมาหาเราผู้สามารถที่จะดับความโศกได้แน่นอน อันที่จริงน้ำตาที่ไหลออกของท่านผู้ร้องไห้ในเวลาที่หญิงนี้ตายด้วยเหตุอย่างนี้ มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ ซะอีก” แล้วจึงตรัสพระคาถา ว่า

“กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป”

หลังจากพระองค์เทศน์จบ สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุพระอรหัตผล แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของตน ทราบว่าตัวเองจะหมดอายุขัยแล้ว จึงกราบทูลพระศาสดาว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด”

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “สันตติมหาอำมาตย์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงเล่ากรรมที่เธอเคยทำไว้ในอดีตแก่เรา แต่ก่อนจะเล่า จงอย่ายืนบนพื้นดิน จงยืนบนอากาศชั่ว ๗ ลำตาล”

มหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศาสดา จากนั้นก็ขึ้นไปสู่อากาศชั่วลำตาลหนึ่ง แล้วลงมาถวายบังคมพระศาสดาอีก และขึ้นไปนั่งโดยบังลังก์บนอากาศ ๗ ชั่วลำตาลแล้ว จึงเล่าบุรพกรรมของตนเองว่า

ในสมัยของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ท่านได้คิดว่า อะไรหนอ เป็นกรรมที่ไม่ทำการตัดรอนหรือบีบคั้น ซึ่งชนเหล่าอื่น เมื่อใคร่ครวญอยู่ จึงเห็นกรรมคือการป่าวร้องในบุญทั้งหลายว่า
พวกท่านจงทำบุญ จงสมาทานอุโบสถในวันอุโบสถ จงถวายทาน จงฟังธรรม ชื่อว่า รัตนะอย่างอื่นเช่นกับพุทธรัตนะ เป็นต้น ไม่มี จงทำสักการะรัตนะทั้ง ๓ เถิด 

พระราชาได้พระราชทาน ม้า รถ และโภคะเป็นอันมาก เครื่องประดับใหญ่ ช้างเชือกหนึ่ง เพื่อให้สมควรแก่การทำกิจนี้ ท่านได้ประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง นั่งบนคอช้าง ได้ทำกรรมของผู้ป่าวร้องธรรมสิ้นแปดหมื่นปี กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย กลิ่นอุบลฟุ้งออกจากปากตลอดกาล

ครั้นได้กราบทูลบุรพกรรมของตนแล้ว สันตติมหาอำมาตย์นั่งบนอากาศเข้าเตโชธาตุ ปรินิพพาน เปลวไฟเกิดขึ้นในสรีระไหม้เนื้อและโลหิต ธาตุทั้งหลายดุจดอกมะลิ ตกลงมาในผ้าขาวที่พระศาสดาทรงคลี่วางรับไว้ ได้ทรงบรรจุธาตุเหล่านั้นแล้ว รับสั่งให้สร้างสถูปไว้ที่ทางใหญ่ ๔ เเพร่ง ด้วยทรงประสงค์ว่า มหาชนไหว้แล้ว จักเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ

ต่อมาเหล่าภิกษุได้สนทนากันว่า สันตติมหาอำมาตย์บรรลุพระอรหัตในคราวที่ยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ควรเรียกว่า สมณะ หรือ พราหมณ์

เมื่อพระศาสดาทรงทราบความจึงตรัสว่า การเรียกสมณะ ก็ควร เรียกว่า พราหมณ์ ก็ควรเหมือนกัน และทรงตรัสพระคาถาต่อไปว่า

แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว พึงประพฤติสม่ำเสมอเป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม มีปกติประพฤติประเสริฐ วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
———————————
แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

สันตติมหาอำมาตย์…

ประกาศตามวันเวลาในภาพ
ท่านสามารถร่วมทำวัตรสวดมนต์ฟังเทศน์
ถวายสังฆทานกับคณะสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่
ได้ทุกวันนะคะ
———————–

กาลครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลได้รับสั่งให้สันตติมหาอำมาตย์ไปปราบปรามโจรที่กำลังฮึกเฮิมอย่างหนัก
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงทราบว่ามหาอำมาตย์ปราบโจรได้อย่างราบคาบแล้ว ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานทรัพย์สมบัติให้เป็นจำนวนมาก
รวมทั้งหญิงสาวที่เก่งในการร้องเพลงและฟ้อนรำนางหนึ่ง

สันตติมหาอำมาตย์ได้ดื่มเหล้าฉลองชัยชนะจนเมามายถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ในวันที่ เจ็ดเขาจัดแจงแต่งตัวด้วยอาภรณ์อย่างดี แล้วขี่ช้างตัวที่ดีที่สุดไปยังท่าอาบน้ำ
เมื่อไปถึงก็เห็นพระศาสดากำลังเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมือง เขาจึงผงกศีรษะถวายบังคมด้วยความเคารพ ในขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างนั่นเอง

เมื่อพระศาสดาทรงเห็น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์จึงทูลถามถึงสาเหตุที่พระองค์ทรงแสดงกิริยาเช่นนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า

“อานนท์ เธอจงดูสันตติมหาอำมาตย์ วันนี้เขาประดับด้วยอาภรณ์อย่างดี มาสู่สำนักเรา เขาจะบรรลุพระอรหัตเพียงเพราะไดัฟังธรรมเพียงนิดเดียว เท่านั้นเอง และจะปรินิพพานในอากาศ”

บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังคำของพระศาสดา บางพวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคิดว่า

“ท่านทั้งหลาย จงดูกิริยาของพระสมณโคดม พระองค์ย่อมพูดสักแต่ปากเท่านั้น ในวันนี้สันตติมหา-อำมาตย์นั้นเมาสุราอย่างหนัก จะได้ไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ไหน พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมที่กล่าวมุสาวาท”

ส่วนพวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิคิดกันว่า

“น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภาพมาก ในวันนี้ เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพระพุทธเจ้า และการเยื้องกรายของสันตติมหาอำมาตย์”

ฝ่ายมหาอำมาตย์หลังลงเล่นน้ำตลอดทั้งวันที่ท่าอาบน้ำแล้ว จึงกลับไปสู่อุทยาน และไปนั่งในโรงดื่ม ขณะที่หญิงสาวที่พระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชทานให้นั้น ก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่กลางเวทีเตรียมจะฟ้อนรำให้มหาอำมาตย์ดู แต่พอเริ่มจะแสดง นางก็กลับมีลมพิษเกิดขึ้นในท้องอย่างหนัก ปากอ้า ตาเหลือก และในที่สุดก็ขาดใจตาย สาเหตุเพราะกินอาหารน้อยมาตลอด ๗ วัน เพื่อให้ร่างกายอ้อนแอ้นน่าชมนั่นเอง

เมื่อมหาอำมาตย์รู้ว่านางตายแล้ว เขาก็เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้าขึ้นมา กระทั่งส่างเมาทันที พิษของสุราที่ดื่มมาตลอด ๗ วัน ได้เสื่อมหายไป เขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถระงับความโศกเศร้าของเขาได้ เขาจึงไปขอเข้าเฝ้า พระศาสดาในตอนเย็นพร้อมกับบริวาร และกราบทูลถึงเหตุแห่งความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับตนและเหตุที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้า

ครั้นพระศาสดาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงตรัสว่า
“ท่านมาหาเราผู้สามารถที่จะดับความโศกได้แน่นอน อันที่จริงน้ำตาที่ไหลออกของท่านผู้ร้องไห้ในเวลาที่หญิงนี้ตายด้วยเหตุอย่างนี้ มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ ซะอีก” แล้วจึงตรัสพระคาถา ว่า

“กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป”

หลังจากพระองค์เทศน์จบ สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุพระอรหัตผล แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของตน ทราบว่าตัวเองจะหมดอายุขัยแล้ว จึงกราบทูลพระศาสดาว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด”

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “สันตติมหาอำมาตย์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงเล่ากรรมที่เธอเคยทำไว้ในอดีตแก่เรา แต่ก่อนจะเล่า จงอย่ายืนบนพื้นดิน จงยืนบนอากาศชั่ว ๗ ลำตาล”

มหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศาสดา จากนั้นก็ขึ้นไปสู่อากาศชั่วลำตาลหนึ่ง แล้วลงมาถวายบังคมพระศาสดาอีก และขึ้นไปนั่งโดยบังลังก์บนอากาศ ๗ ชั่วลำตาลแล้ว จึงเล่าบุรพกรรมของตนเองว่า

ในสมัยของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ท่านได้คิดว่า อะไรหนอ เป็นกรรมที่ไม่ทำการตัดรอนหรือบีบคั้น ซึ่งชนเหล่าอื่น เมื่อใคร่ครวญอยู่ จึงเห็นกรรมคือการป่าวร้องในบุญทั้งหลายว่า
พวกท่านจงทำบุญ จงสมาทานอุโบสถในวันอุโบสถ จงถวายทาน จงฟังธรรม ชื่อว่า รัตนะอย่างอื่นเช่นกับพุทธรัตนะ เป็นต้น ไม่มี จงทำสักการะรัตนะทั้ง ๓ เถิด 

พระราชาได้พระราชทาน ม้า รถ และโภคะเป็นอันมาก เครื่องประดับใหญ่ ช้างเชือกหนึ่ง เพื่อให้สมควรแก่การทำกิจนี้ ท่านได้ประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง นั่งบนคอช้าง ได้ทำกรรมของผู้ป่าวร้องธรรมสิ้นแปดหมื่นปี กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย กลิ่นอุบลฟุ้งออกจากปากตลอดกาล

ครั้นได้กราบทูลบุรพกรรมของตนแล้ว สันตติมหาอำมาตย์นั่งบนอากาศเข้าเตโชธาตุ ปรินิพพาน เปลวไฟเกิดขึ้นในสรีระไหม้เนื้อและโลหิต ธาตุทั้งหลายดุจดอกมะลิ ตกลงมาในผ้าขาวที่พระศาสดาทรงคลี่วางรับไว้ ได้ทรงบรรจุธาตุเหล่านั้นแล้ว รับสั่งให้สร้างสถูปไว้ที่ทางใหญ่ ๔ เเพร่ง ด้วยทรงประสงค์ว่า มหาชนไหว้แล้ว จักเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ

ต่อมาเหล่าภิกษุได้สนทนากันว่า สันตติมหาอำมาตย์บรรลุพระอรหัตในคราวที่ยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ควรเรียกว่า สมณะ หรือ พราหมณ์

เมื่อพระศาสดาทรงทราบความจึงตรัสว่า การเรียกสมณะ ก็ควร เรียกว่า พราหมณ์ ก็ควรเหมือนกัน และทรงตรัสพระคาถาต่อไปว่า

แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว พึงประพฤติสม่ำเสมอเป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม มีปกติประพฤติประเสริฐ วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
———————————
แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันพุธที่ 17 มกราคม 2567

วันพุธที่ 17 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้า
ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ณ.วัดนิสรณวนาราม ตำบลจำปาหล่ออำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์ 570 รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ณ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอังคารที่ 16 มกราคม 2567

วันอังคารที่ 16 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ณ อุทยานประวัติศาสน์วิเศษชัยชาญ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์ 570 รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ณ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้ นายพิริยะ ฉันทดิลก
ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป/คน
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ณ.วัดสามโก้ ต.สามโก้ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์570รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10
ณ.พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ณ.วัดวังหิน ต.ย่านยาว อ.สามชุกจ.สุพรรณบุรี

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์570รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10
ณ.พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567

วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 700 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

วัดบัลลังก์ ต.หนองหญ้าไซ อ.หนองหญ้าไซจ.สุพรรณบุรี

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์570รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10
ณ.พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 570 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ทอดผ้าป่าโดยเสด็จพระราชกุศลถวายปัจจัยจำนวน160,000บาทเพื่อสร้างมณทป
วัดสระบัวก่ำ จ.สุพรรณบุรี

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์570รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10
ณ.พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

เส้นทางฝึกตน อดทน ขัดเกลาเพียรเผากิเลสในกาย พิจารณากิเลสในใจ   

เส้นทางฝึกตน อดทน ขัดเกลา
เพียรเผากิเลสในกาย พิจารณากิเลสในใจ          
———————
สังฆคุณมี ๙ ประการ : ๔ ประการแรกเป็นเหตุ
และ ๕ ประการหลังเป็นผล ได้แก่
           ๑. โย โส สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ : พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหมู่ใด เป็นผู้ปฏิบัติดี คือ ปฏิบัติตามเส้นทางสายกลาง ไม่หย่อนนัก ไม่ตึงนัก ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
           ๒. อุชุปฏิปนฺโน : เป็นผู้ปฏิบัติตรง คือ ไม่ปฏิบัติเพื่อโอ้อวด ไม่มีมายา ไม่ลวงโลก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงต่อหนทางพระนิพพาน
           ๓. ญฺายปฏิปนฺโน : เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ คือ ปฏิบัติมุ่งธรรมเป็นใหญ่ เอาความถูกต้องเป็นหลัก และมุ่งปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การบรรลุธรรม
           ๔. สามีจิปฏิปนฺโน : เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือ ปฏิบัติน่านับถือ สมควรได้รับความเคารพยกย่องที่สุด
           ๕. อาหุเนยฺโย : เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา คือ ควรได้รับสิ่งของที่เขานำมาถวาย เพราะท่านมีคุณสมบัติ ๔ ประการ ดังกล่าวข้างต้น
           ๖. ปาหุเนยฺโย : เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ คือ เมื่อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ไปที่ไหนก็ถือว่าเป็นบุคคลผู้ทรงเกียรติที่สมควรให้การต้อนรับ
           ๗. ทกฺขิเณยฺโย : เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน คือ เป็นทักขิไณยบุคคลผู้ควรรับทาน ที่โยมน้อมนำมาถวายเพื่อการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย
           ๘. อญฺชลีกรณีโย : เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี คืออยู่ในฐานะที่ใคร ๆ ควรแสดงความเคารพกราบไหว้ เพราะทำให้ผู้ไหว้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
           ๙. อนุตฺตรํ ปุญฺญฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส : เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า คือ พระสงฆ์เป็นผู้บริสุทธิ์ ทักษิณาที่ถวายแด่พระสงฆ์ย่อมมีอานิสงส์มาก เปรียบเหมือนนามีดินดีและน้ำดี พืชที่หว่านไปย่อมให้ผลไพบูลย์ พระสงฆ์จึงเป็นที่บำเพ็ญบุญของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย..
………………………………….
น้อมกราบอนุโมทนาทุกย่างก้าวตลอดเส้นทาง

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2567

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2567
—————————–
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าให้นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นผู้แทนพระองค์
ถวายภัตตาหารไทยธรรมพระราชทาน
แด่ คณะพระธุดงค์ จำนวน 570 รูป
ในโครงการจาริกธุดงค์
เผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปี2566-2567

ถวายภัตตาหารบิณฑบาตรสงฆ์570รูปโครงการจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10
ณ.พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน ถึงอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา

ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ร่วมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
ณ.มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โรงเรียนสามเณรนานาชาติในสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

เป็นผู้แทนเจ้าภาพ
น้อมถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรหมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่เป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย
———————————–
ข้าแต่พระรัตนตรัยและพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของชอบธรรม ได้มาแล้วโดยธรรม

น้อมบูชาแด่พระรัตนตรัย
น้อมถวายแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย

ขอพระรัตนตรัย พระสงฆ์หมู่ใหญ่
พร้อมทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
ผู้มีศีลทั้งหลาย จงรับซึ่งภัตตาหาร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนานเทอญ
………………………………………………
ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมอนุโมทนาสาธุ
มีส่วนแห่งบุญมีส่วนแห่งธรรมด้วยเทอญ

แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ