การพบกันไม่ใช่ความบังเอิญ

การพบกันไม่ใช่ความบังเอิญ
ประวัตินกุลบิดาคฤหบดี
เอตทัคคะผู้มีความคุ้นเคยพระศาสดา
นกุลบิดาคฤหบดีผู้ได้รับการแต่งตั้งจากพระบรมศาสดาให้เป็นยอดของอุบาสกทั้งหลายผู้มีความคุ้นเคยพระศาสดา  ก็โดยเหตุ ๒ ประการ 

โดยเป็นผู้ยิ่งด้วยคุณ เพราะท่านแสดงให้ผู้อื่นเห็นเป็นอย่างชัดเจนในคุณข้อนี้ของท่าน โดยการกล่าวถ้อยคำแสดงความคุ้นเคยกับพระผู้มีพระภาคเฉกเช่น

พระพุทธองค์ทรงเป็นบุตรของท่าน 
ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ 
ไม่เพียงเนื่องจากเหตุข้อนี้เท่านั้น 
แต่ยังเป็นการแต่งตั้งโดยเหตุที่ท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ตลอดแสนกัป 

ตั้งความปรารถนาไว้ในอดีต
ท่านคฤหบดีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปุทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี กำลังฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา 

เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสกผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้มีความคุ้นเคยพระศาสดา

 ก็ทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้าง ครั้นสิ้นชีวิตลง ก็เวียนว่ายอยู่ใน ภพภูมิเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป

ในสมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า

ในพุทธุปบาทกาลนี้ก็บังเกิดในสกุลเศรษฐี นครสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะมีชื่อว่า นกุลบิดาคฤหบดี ได้แต่งงานกับนางนกุลมารดาคฤปตานี จนมีบุตร 

ตั้งชื่อว่า นกุล ชนทั้งหลายจึงเรียกสองสามีภรรยาว่า นกุลบิดา และ นกุลมารดา 

สมัยหนึ่ง พระศาสดาอันมีภิกษุสงฆ์แวดล้อมก็ได้เสด็จจาริกไปถึงนครนั้น และประทับอยู่ที่เภสกลาวัน

ครั้งนั้น นกุลบิดาคฤหบดีและนกุลมารดาคหปตานี นี้ ก็ไปเฝ้าพระศาสดา พร้อมด้วยเหล่าชาวสุงสุมารคิรีนคร 
ในการเฝ้าครั้งแรกนั้น 

เขาและภริยาก็เกิดความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่า พระทศพลเป็นบุตรของตน 

จึงหมอบลงที่พระยุคลบาทของพระศาสดากราบทูลว่า ลูกเอ๋ย เจ้าทิ้งพ่อแม่ไปเสียตลอดเวลาเท่านี้ เที่ยวไปอยู่เสียที่ไหน

นัยว่า นกุลบิดาคฤหบดีนี้ แม้ใน ชาติก่อน ๆ 
ก็ได้เป็นบิดาพระทศพล ๕๐๐ ชาติ 
เป็นอา ๕๐๐ ชาติ 
เป็นปู่ ๕๐๐ ชาติ 
เป็นลุง ๕๐๐ ชาติ 
นกุลมารดาก็ได้เป็นมารดา ๕๐๐ ชาติ เป็นน้า ๕๐๐ ชาติ 
เป็นย่า ๕๐๐ ชาติ 
เป็นป้า ๕๐๐ ชาติ 
ดังนั้น เพราะมีความรักที่ติดตามมาตลอดกาลยาวนาน
 พอเห็นพระทศพล ก็สำคัญว่าบุตรจึงทนอยู่ไม่ได้

พระศาสดามิได้ตรัสว่า จงหลีกไป แต่ทรงนิ่งอยู่ตลอดเวลาที่จิตใจของคนทั้งสองนั้นยังไม่รู้สึกตัว ครั้นพอคนทั้งสองนั้นกลับได้สติตามเดิมแล้ว 

พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัยของ เหล่าสัตว์ผู้วางใจเป็นกลางแล้วจึงทรงแสดงธรรม เมื่อจบเทศนา ทั้งสองคนก็ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล.
———————————-
ไม่มีเหตุใดเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

ผลของกรรม

ผลของกรรม

พระเจ้าปายาสิ ผู้ครองเสตัพยนคร
มีมิจฉาทิฐิว่าคนและสัตว์ทั้งหลายตายแล้วสูญ
ผลวิบากของกรรมที่ทําดี หรือชั่วนั้นไม่มี

ครั้งนั้น พระเจ้าปายาสิ ได้สดับกิตติศัพท์อันงามของ
พระกุมารกัสสปะ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าและเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศด้านการแสดงธรรมได้วิจิตร
จึงเสด็จไปพบพระกุมารกสสปะเพื่อสนทนาธรรม
โดยพระเจ้าปายาสิ ตรัสถึงทิฐิดังกล่าวของพระองค์
ให้พระกุมารก้สสปะทราบ

พระกุมารกัสสปะจึงถามว่า

“มหาบพิตรมีเหตุผลประการใดที่สนับสนุนความเห็นเช่นนั้น”

พระเจ้าปายาสิตรัสว่า

“มีญาติมิตรของโยมหลายคนที่ทําชั่วต่างๆ มากมาย
ต่อมาเมื่อพวกเขาเจ็บไข้ โยมเห็นว่าพวกเขาคงตายแน่
ก็ไปพบและสั่งพวกเขาว่าเมื่อไปลงนรกแล้ว
ขอให้กลับมา บอกว่านรกเป็นอย่างไร
พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่รับคํา แต่โยมรอมานานหลายปี แล้วก็ไม่เห็นว่า พวกเขาจะกลับมาเล่าเรื่องนรกให้ฟัง แสดงว่านรกไม่ มีอยู่จริง ”

พระกุมารกัสสปะตอบว่า

“เปรียบเหมือนโจรที่ทําผิด และถูกทางการจับกุมได้
ครั้นเมื่อถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ราชบุรุษก็นําตัวไปประหารชีวิต
โจรเหล่านั้นจะขอผัดผ่อนว่าขอกลับบ้าน
ไปเล่าให้ญาติมิตรฟังก่อน ว่าเวลาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตเป็นอย่างไร ก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้ลากลับบ้านเช่นนั้น
คนที่ทําชั่วพวกนั้น เมื่อต้องไปลงนรกก็เช่นเดียวกันนั้น”

พระเจ้าปายาสิตรัสต่อไปว่า

“ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง โยมเคยสั่งญาติมิตรของโยมหลายคน
ที่ทําดีต่างๆ มากมายว่าถ้าตายไปสู่สุคติในสวรรค์แล้ว
ขอให้กลับมาบอกว่าสวรรค์เป็นอย่างไร
พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่รับคํา แต่เมื่อพวกเขาตายไปหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะกลับมาเล่าเรื่องสวรรค์ให้ฟัง แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยูจริง ”

พระกุมารกัสสปะตอบว่า

“เปรียบเหมือนผู้ที่เคยตกลงไปในหลุมอุจจาระจนมิดศีรษะ
ครั้นขึ้นจากหลุมอุจจาระนั้นมาได้ ก็ได้อาบนํ้าชําระเนื้อตัวจนสะอาดหมดจด แล้วนําเครื่องหอมมาชโลมตัวและนําผ้าสะอาดเนื้อดีมานุ่งห่ม

 ผู้นั้นยอมจะเข็ดขยาดและไม่ยอมตกลงไปในหลุมอุจจาระนั้นอีก เพราะฝังใจว่าหลุมอุจจาระนั้นโสโครก
และมีกลิ่นเหม็น คนทั้งหลายก็ล้วนมีกลิ่นเหม็น
เปรียบได้กับหลุมอุจจาระ

 ผู้ได้เป็นเทวดาเมื่อเข้าสู่สวรรค์แล้วก็ไม่อยาก
จะกลับมาหาคนทั้งหลายอีก

และอีกประการหนึ่ง มิติเวลาในสวรรค์คืนหนึ่งเท่ากับมิติเวลาในโลกมนุษย์นานนับร้อยปี
แม้พวกเขาระลึกได้ว่า ควรจะกลับมาเล่าเรื่องสวรรค์ให้ญาติมิตรที่เป็นคนได้ฟัง คนเหล่านั้นก็คงตายไปเสียก่อน”

พระเจ้าปายาสิตรัสต่อไปอีกว่า

“ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง โยมเห็นบรรดาสมณะผู้มีศีลธรรม
อันงามทั้งหลาย ล้วนแต่ดํารงชีพเป็นคนต่อไป
โดยไม่พบว่ามีท่านใดประสงค์จะฆ่าตัวตายทั้งๆ ที่ท่านเหล่านั้นก็เห็นว่าในโลกหน้า ย่อมมีความสุขมากกว่าในโลกนี้แน่
หรือจะเป็นเพราะที่แท้แล้วท่านเหล่านั้นก็รู้วาโลกหน้าไม่มีอยู่จริง ”

พระกุมารกัสสปะตอบว่า

“เปรียบเหมือนผู้ที่เห็นว่าพ่อแม่ของเด็กแข็งแรงดี ย่อมมีลูก
ที่แข็งแรงดี จึงชิงผ่าเอาเด็กออกจากท้อง ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร เด็กนั้นก็จะไม่แข็งแรงและอาจไม่รอด

บุคคลผู้มีสัมมาทิฐิ ย่อมไม่ชิงสุกก่อนห่าม ฉันใดก็ฉันนั้น

อีกประการหนึ่ง การได้เกิดเป็นคนนั้นเป็นโอกาสอันประเสริฐที่จักได้เรียนรู้และพัฒนาสัมมาทิฐิ เพื่อบําเพ็ญความดีงามอันเป็นเหตุปัจจัยและพลังนําทาง ให้รู้เท่าทันถึงที่สุดแห่งทุกข์
และก้าวพ้นจากทุกข์นั้นได้

การฆ่าตัวตายเป็นบาป ที่ให้วิบากรุนแรงยิ่งและทําให้จิตที่ทุกข์ทรมานในขณะฆ่าตัวตายนั้น ต้องวนเวียนอยู่กับความมืดมนและวังวนแห่งทุกข์นั้นซํ้าแล้วซํ้าอีก

บุคคลผู้มีปัญญา เข้าใจความเป็นมาและเป็นไปแห่งชีวิตจึงไม่คิดฆ่าตัวตาย”

พระเจ้าปายาสิตรัสแย้งต่อไปอีกว่า

“โยมเคยทดลองใช้กรรมวิธีต่างๆ ในการพิสูจน์ว่า
คนทั้งหลายมีดวงจิตอยู่จริงหรือไม่
โดยให้นําโจรผู้ร้ายหลายคนที่ทําผิดร้ายแรงและต้องโทษประหารชีวิตนั้น ไปประหารด้วยวิธีการต่างๆ กัน

ในขณะประหารชีวิต มีราชบุรุษหลายนาย ผู้มีสรรพวิทยาอันลํ้าลึกใช้สรรพวิทยานั้นในการตรวจสอบและเฝ้าสังเกตุว่า

จะมีดวงจิตออกจากร่าง ของผู้ถูกประหารชีวิตนั้นหรือไม่
แต่ก็ไม่พบเห็นดวงจิตนั้น จึงเชื่อว่าโลกหน้าไม่มีอยู่จริง
หากแต่คนและสัตว์ทั้งหลายเมื่อตายแล้วก็สูญไป”

พระกุมารกัสสปะตอบว่า

“เปรียบเหมือนคนที่ตาบอดแต่กำเนิด
แม้คนอื่นจะบอกว่าสัตว์นั้นๆ มีรูปร่างเช่นไร มีสีสันอย่างไร
ก็ไม่อาจรู้ตามได้ เพราะไม่ใช่วิสัยที่ตนจะเห็น
หรือแม้แต่คนที่ตาดี ก็มองเห็นได้อย่างจำกัด
ครั้นมีคนอื่นบอกว่าไปเมืองนั้นๆมา เป็นเช่นนั้นเช่นนี้
คนที่ไม่เคยไปเมืองนั้นๆ กลับแย้งว่าเมืองนั้นๆ
ไม่มีอยู่จริง เพราะตนมองไม่เห็น
หรือเมื่อมีคนเป่าแตร ผู้ที่ได้ยินเสียงแตร แต่มองไม่เห็นเสียงแตร จึงเถียงว่าไม่มีเสียงแตรเกิดขึ้น ฉันใดก็ฉันนั้น

อีกประการหนึ่ง แม้แต่ในเวลาที่คนเราหลับและฝันไปว่า
ได้ไปยังที่แห่งนั้นแห่งนี้ เรายังไม่รู้ตัวเลยว่าดวงจิตของเรา
ออกจากร่างไปท่องเที่ยวดังในฝันนั้นตั้งแต่เมื่อใด
แล้วไฉนเล่าคนอื่นจะมาเห็นดวงจิตของเราได้

การรู้ว่าสิ่งทั้งปวงที่แท้แล้วเป็นไตรลักษณ์
คือ ล้วนแต่ไม่เที่ยง ไม่อาจทนอยู่ได้ และไม่มีตัวตนอยู่จริง
เป็นสัมมาทิฐิเพราะเป็นการเห็นตามความจริงว่า เป็นเช่นนั้น
แต่การเชื่อว่าคนหรือสัตว์ทั้งหลายตายแล้วสูญ 

เป็นมิจฉาทิฐิเพราะแม้ชีวิตเป็นไตรลักษณ์ แต่เมื่อยังไม่หลุดพ้นจากวงจรแห่งทุกข์ก็จักเป็นไปตามเหตุปัจจัย ที่ยังชีวิตให้ดําเนินหมุนเวียนไปตามสังสารวัฏนั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น โดยบังเอิญ หากแต่เป็นผลอันเกิดจากเหตุปัจจัย ที่สืบเนื่องกันทั้งสิ้น”

พระเจ้าปายาสิทรงตรึกตรองแล้ว
ก็มีศรัทธาเลื่อมใสในอรรถาธิบายของพระกุมารกัสสปะ
แสดงพระองค์เป็นอุบาสก
ขอนับถือพระรัตนตรัยไปตลอดพระชนม์ชีพ

——————————-
ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

จากพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย
มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๒,
ปายาสิราชัญญสูตร
ว่าด้วยทิฐิของพระยาปายาสิ

ส่งน้ำดื่มบ้านเพชรบำเพ็ญ1,000โหลจำนวน12,000ขวด ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลายจังหวัดตอนบนของประเทศไทย

ส่งน้ำดื่มบ้านเพชรบำเพ็ญ1,000โหลจำนวน12,000ขวด
ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลายจังหวัดตอนบนของประเทศไทย
ขนส่งโดยสายการบินนกแอร์ แจกจ่ายโดยอาสากู้ภัยดุสิต
ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอังคารที่25สิงหาคม 2563..

วันอังคารที่25สิงหาคม 2563..
——————————-
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: ผัดมาม่า
: ผัดพริกแกงถั่ว
: ปลาทอด
: ต้มจืดหน่อไม้
: แกงพะแนงหมู
: น้ำพริกกะปิ ผักต้มกะทิ 
: ปลาทับทิมทอดกระเทียม
: ปลากระพงนึ่งมะนาว
: สลัดโรล
: ขนม โดนัท ข้าวต้มมัด มันต้มขิง
: ผลไม้ แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด..
: ข้าวสวย ข้าวเหนียว 
: ราดหน้าหมู 
: มะระผัดไข่ 
: แกงคั่วหน่อไม้ไก่ 
: ไข่เจียว 
: แจ่วปลาร้า ผักสด 
: ผลไม้ สาลี่ แอปเปิ้ล องุ่นนอก 
: ขนม ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

วันจันทร์ที่24สิงหาคม 2563..

วันจันทร์ที่24สิงหาคม 2563..
ร่วมตั้งโรงทานถวายงานประชุมคณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด 
วัดบ้านหนองเหล็ก จำนวน 1,000รูปคน
ก๋วยเตี๋ยว 1,500ชาม
ข้าวผัด 700 กล่อง
ข้าวกระเพรา 300 กล่อง
ต้มยำปลาแซลม่อน 300 ถ้วย
ลอดช่องรวมมิตร 1,000 แก้ว
โกโก้เย็น 500 แก้ว
———————————
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: ข้าวขาหมูน้ำซุปแฟง
: แกงส้มหน่อไม้เปรี้ยว
: ผัดวุ้นเส้น
: ต้มยําปลากระป๋อง
: ผัดถั่วลันเตาน้ำมันหอย
: น้ำพริกอ่อง
: แคปหมู
: สลัด
: ขนม ขนมปังทาแยม เค้กกล้วยหอม แกงบวชเผือก แกงบวชมัน
: ผลไม้ ลำไย กีวี องุ่น

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด..
: ข้าวสวย ข้าวเหนียว 
: น้ำพริกกะปิ ผักทอด ผัดสด 
: ปลาทูทอด 
: ผัดผักบุ้ง 
: ต้มจืดหน่อไม้กระดูกหมู
: ปลาหมึกผัดผงกระหรี่ 
: แกงเขียวหวานไก่ 
: ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูไก่ฉีก 
: ขนม ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด เฉาก๊วย รวมมิตรหวานเย็น 
: ผลไม้ แตงโม สาลี่ แอปเปิ้ล กล้วยน้ำหว้า 
.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

พระกุมารกัสสปเถระ

พระกุมารกัสสปเถระ
เอตทัคคะในทางผู้แสดงธรรมอันวิจิตร

พระกุมารกัสสปะ เป็นบุตรของธิดาเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์
 เดิมชื่อว่า “กัสสปะ” 
แต่เพราะท่านได้รับการบำรุงเลี้ยงดูจากพระเจ้าเสนทิโกศล ดังนั้นประชาชน จึงเรียกท่านว่า “กุมารกัสสปะ” 

ประวัติชีวิตของท่าน มีดังต่อไปนี้:-

มารดาภิกษุณีตั้งท้อง

ขณะเมื่อมารดาของท่านยังเป็นสาวรุ่นอยู่นั้น มีศรัทธาปรารถนาจะบวชเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา
 แต่บิดามารดาไม่อนุญาต อยู่ต่อมาจนกระทั่งนางได้แต่งงานมีสามีอยู่ครองเรือน ระยะหนึ่ง 

นางได้ปฏิบัติต่อสามีเป็นอย่างดี จนสามารถเกิดความพอใจแล้วได้อ้อนวอนขออนุญาตบวช 
สามีก็ไม่ขัดใจอนุญาตให้นางบวชตามความปรารถนา 
นางจึงไปขอบวชในสำนักของนางภิกษุณี ผู้เป็นศิษย์ของพระเทวทัต

ครั้นบวชแล้วได้ไม่นานปรากฏว่าครรภ์ของนางโตขึ้น 
จึงเป็นที่รังเกียจสงสัยของเพื่อน
นางภิกษุณีทั้งหลาย และได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่พระเทวทัต เพื่อให้ตัดสินความ พระเทวทัตได้ตัดสินให้เธอสระสมณเพศสึกออกไปเสียจากสำนัก

นางได้ฟังคำตัดสินเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก 
ได้พูดอ้อนวอนขอร้องให้โปรดอย่า ลงโทษเธอถึงขนาดนั้นเลย เพราะนางมิได้ประพฤติชั่วทำผิดพระธรรมวินัยเลย

 เมื่อคำอ้อนวอนของ นางไม่เป็นผล นางจึงกล่าวว่า:-

“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ดิฉันมิได้บวชอุทิศตนต่อพระเทวทัต แต่ดิฉันบวชอุทิศตนต่อพระบรมศาสดา

 ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงพาดิฉันไปสู่สำนักของพระบรมศาสดาด้วยเถิด”

พระอุบาลีตัดสินคดีภิกษุณีท้อง

นางภิกษุณีทั้งหลายจึงพานางไปเข้าเฝ้ากราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบโดยลำดับตั้งแต่ต้น

 แม้พระผู้มีพระภาคจะทรงทราบอย่างแจ่มชัด ด้วยพระองค์เองแล้วว่า “นางตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนบวช”

 แต่เพื่อให้เนื้อความนี้แจ่มชัด ขจัดความสงสัยของชนทั้งหลายให้สิ้นไป จึงรับสั่งให้พระอุบาลีเถระดำเนินการชำระอธิกรณ์เรื่องนี้ให้ชัดเจน

พระอุบาลีเถระได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาร่วมกันพิสูจน์
 โดยมีพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นประธาน
 มีนางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถปิณฑิกะเศรษฐี และตระกูลอื่น เป็นต้น

 นางวิสาขาให้ขึงผ้าม่านโดยรอบแล้ว เรียกนางภิกษุณีเข้าไป แล้วตรวจดูมือ เท้า สะดือ และลักษณะของครรภ์แล้วนับวันนับเดือนสอบประวัติย้อนหลังโดยละเอียดแล้วก็ทราบชัดเจนว่า “นางตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนบวช”

 พระอุบาลีเถระ จึงได้ประกาศตัดสินอธิกรณ์ในท่ามกลางพุทธบริษัททั้ง ๔ ว่า นางภิกษุณีรูปนี้ยังมีศีลบริสุทธิ์อยู่

 แล้วกราบทูลเนื้อความให้พระบรมศาสดาทรงทราบ 
พระพุทธองค์ได้ตรัสอนุโมทนาสาธุการแก่พระเถระว่า ชำระความได้ถูกต้องยุติธรรม

พระเจ้าปเสนทิโกศลขอบุตรนางภิกษุณีไปเลี้ยง

ครั้นเวลาล่วงเลยไป ครรภ์ของนางได้โตขึ้นเป็นลำดับ
 จนครบกำหนดได้คลอดบุตรออกมา นางได้เลี้ยงดูอยู่ในสำนักของนางภิกษุณีนั้น

 วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จผ่านมาได้
สดับเสียงทารกร้องในห้องของนางภิกษุณีจึงตรัสถามได้ทราบความโดยตลอดแล้ว ทรงมีพระเมตตาขอรับทารกไปบำรุงเลี้ยงเป็นโอรสบุญธรรม นำไปชุบเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง ประทานนามว่า “กัสสปะ” 

แต่เพราะพระองค์ทรงชุบเลี้ยงประดูจราชกุมาร
 จึงเรียกกันว่า  “กุมารกัสสปะ”

เมื่อกุมารกัสสปะ เจริญเติบโตขึ้น ได้วิ่งเล่นกับราชกุมารอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน เมื่อขัดใจกันขึ้นกุมารกัสสปะก็มักจะใช้มือตีเพื่อน ๆ เหล่านั้น แล้วถูก เพื่อน ๆ ติเตียนว่า “พวกเราถูกเด็ก
ไม่มีพ่อแม่ตี”

กุมารกัสสปะ เกิดความสงสัย จึงกราบทูลถามพระเจ้าปเสนทิโกศล ซึ่งพระองค์ก็ได้พยายามบ่ายเบี่ยง ปกปิดมาโดยตลอด 
แต่เมื่อถูกอ้อนวอนรบเร้าหนักขึ้น ก็ไม่สามารถจะปกปิดได้ 
จึงตรัสบอกความจริง

กุมารกัสสปะ ได้ทราบความจริงแล้ว รู้สึกสลดใจในชะตาชีวิตของตนจึงกราบทูลขออนุญาตบวชในพระพุทธศาสนา

 เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ได้ไปบวชเป็นสามเณรในสำนักพระบรมศาสดา ศึกษาพระกรรมฐานและพระธรรมวินัยจากพระบรมศาสดาและอาจารย์ทั้งหลาย จวบจนอายุครบ ๒๐ ปี 

จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว กราบทูลลาพระผู้มีพระภาค เพื่อไปทำความเพียร บำเพ็ญสมณธรรมในป่า ได้บรรลุคุณพิเศษเบื้องต้นแล้ว จึงกลับมาศึกษาพระกรรมฐานใน
ระดับสูงยิ่ง ๆ ขึ้นแล้วเข้าไปสู่ป่าอันธวัน
 บำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฎ์ต่อไป

ครั้งนั้นได้มีพรหมชั้นสุทธาวาส ผู้ซึ่งในอดีตชาติเคยเป็นสหายปฏิบัติสมณธรรมร่วมกันกับท่านพระกุมารกัสสปะ
 ในครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี แล้วจุติไปเกิดเป็นพรหมในชั้นสุทธาวาสนั้น 

เห็นท่านพระกุมารกัสสปะบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ก็ยังไม่บรรลุพระอรหัตผล จึงลงมาช่วยเหลือด้วยการแก้ปัญหา ๑๕ ข้อ
 แนะนำให้ไปกราบทูล พระผู้มีพระภาคให้พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ให้ ท่านได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระพรหมนั้น
ปัญหา ๑๕ ข้อนั้นคือ

๑. จอมปลวก
 ๒. กลางคืนเป็นควัน 
๓. กลางวันเป็นไฟ 
๔. พราหมณ์
 ๕. สุเมธผู้เป็นศิษย์ 
๖. จอบ 
๗. เครื่องขุด 
๘.ลูกสลัก 
๙.อึ่งอ่าง
 ๑๐. ทาง ๒ แพร่ง
 ๑๑. กระบอกกรองน้ำ
 ๑๒. เต่า 
๑๓ เขียง
 ๑๔. ชิ้นเนื้อ
 ๑๕. นาค

พระบรมศาสดาทรงสดับปัญหาทั้ง ๑๕ ข้อแล้วตรัสแก้ว่า
 ดูก่อนภิกษุ คำว่า จอมปลวก นั้นหมายถึง อัตภาพร่างกายนี้ เพราะว่า จอมปลวกเกิดจากตัวปลวก นำ
ดินมาผสมกับน้ำลายเหนียว ๆ แล้วก่อขึ้นเป็นจอมปลวกฉันใด อัตภาพร่างกายนี้ ก็เกิดขึ้นเพราะมีพ่อแม่เป็นแดนเกิด ฉันนั้น
 จอมปลวกมีรูพรุน มีตัวปลวกอยู่อาศัย ร่างกายก็มีรูพรุนคือ ทวารทั้ง ๙ และรูขุมขนทั่วตัว เป็นที่อยู่อาศัยของหมู่หนอนและเชื้อโรคต่าง ๆ จอมปลวกต้องแตกสลาย แม้ร่างกายก็ต้องเน่าเปื่อยเช่นกัน

คำว่า กลางคืนเป็นควัน นั้นหมายถึง วิตก คือการคิดนึก

 และวิจารณ์ คือการพิจารณา ใคร่ครวญถึงการงานที่จนทำเมื่อตอนกลางวันว่า มีคุณมีโทษอย่างไรและใคร่ครวญถึงวันรุ่งขึ้นว่า จะทำอะไรต่อไป การคิดใคร่ครวญอย่างนี้มีอาการดุจควันไฟที่คุกรุ่นอยู่

คำว่า กลางวันเป็นไฟ หมายถึง การทำงานตามที่คิดไว้ 
ตั้งแต่ตอนกลางคืนต้องรีบเร่ง ร่างกายเหน็ดเหนื่อย ท่านจึงเปรียบเหมือนไฟที่ลุกโพลง

คำว่า พราหมณ์ หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
ที่ท่านเรียกว่าพราหมณ์ เพราะพราหมณ์ มีประเพณีลอยบาปด้วยการลงอาบน้ำในแม่น้ำคงคา
 ชำระบาปคือ ความชั่วออกจากกาย 
ส่วนที่เรียกพราหมณ์ คือ พระพุทธองค์นั้น
 เพราะพระองค์ทรงชำระบาปทั้ง ๗ คือ ราคะ โทสะ โมหะ 
มานะ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สี ลัพพัตตปรามาส ได้โดยไม่เหลือ

คำว่า สุเมธ หมายถึง พระภิกษุผู้ยังเป็นเสขะ
 ผู้มีปัญญากำลังศึกษาในไตรสิกขา

คำว่า จอบ หมายถึง ปัญญาเป็นเครื่องขุดความโง่ทิ้ง
 ขุดจนสามารถตักรากเง่าของความโง่ออกได้หมด

คำว่า การขุด หมายถึงความเพียร คือ เพียรเจริญสติปัฏฐาก ๔ พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ให้เห็นว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน

คำว่า ลูกสลัก หมายถึง อวิชชา ความไม่รู้ เป็นเครื่องกั้นตัว วิชชา คือความรู้ไม่ให้เกิดขึ้น อวิชชา จึงเปรียบดังลูกสลักหรือกลอนประตูที่ไม่ยอมให้ประตูเปิด

คำว่า อึ่งอ่าง ได้แก่ ความโกรธ เพราะความโกรธมีลักษณะทำให้ใจพองขึ้นเหมือน อึ่งอ่าง

คำว่า ทาง ๒ แพร่ง ได้แก่ วิจิกิจฉา ความสงสัยลังเล เหมือนทาง ๒ แพร่งที่คนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี

คำว่า กระบอกน้ำ หมายถึง นิวรณ์ ๕ ประการ มีกามฉันทะ เป็นต้น คนที่มีนิวรณ์ทั้ง ๕ อยู่ในใจ ไม่สามารถจะแสวงหากุศลธรรมให้ติดตัวอยู่ได้เหมือนกระบอกกรองน้ำที่ไม่สามารถจะเก็บน้ำไว้ได้

คำว่า เต่า หมายถึง อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเหมือนกับเต่าที่มี ๔ ขา มีหัว ๑ รวมเป็น ๕ ท่านสอนให้ตัดความรักใคร่พอใจในอุปาทานขันธ์นั้นเสีย

ค่ำว่า เขียง ได้แก่ กามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่รักใคร่พอใจ 
ดุจคนวางชิ้นเนื้อไว้บนเขียงแล้วเชือดชำแหละด้วยมีด ฉันใด กิเลสทั้งหลาย ฆ่าหมู่สัตว์แล้ววางไว้บนเขียง
 คือ กามคุณทั้ง ๕ แล้วเชือดชำแหละ ฉันนั้น
 พระพุทธองค์ทรงสอนให้ละกามคุณทั้ง ๕ นั้นเสีย

คำว่า ชิ้นเนื้อ ได้แก่นันทิราคะ ความรักใคร่เพลิดเพลินอยู่ในกามคุณทั้งหลาย อันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ในภายหลัง

คำว่า นาค หมายถึงภิกษุผู้สิ้นกิเลสแล้ว เป็นพระอรหันต์
 เว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง จึงเรียกว่า นาค แปลว่าผู้ประเสริฐ

พระกุมารกัสสปะ ส่งกระแสจิตไปตามลำดับแห่งคำพยากรณ์แก้ปัญหานั้น เมื่อจบข้อสุดท้ายท่านก็บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

พระเถระต่อว่ามารดา
ฝ่ายนางภิกษุณีผู้เป็นมารดาของพระกุมารกัสสปะ ตั้งแต่วันที่พระเจ้าปเสนทิโกศล รับเอาบุตรของนางไปชุบเลี้ยงเป็นต้นมา น้ำตาของนางก็ได้ไหลหลั่งเพราะความทุกข์เกิดจากการ
พลัดพรากจากบุตรผู้เป็นที่รัก เป็นเวลานานถึง ๑๒ ปี

 แม้ต่อมาจะทราบว่าบุตรชายของนางมาบวชแล้วก็ตาม
 แต่นางก็ยังมิได้เห็นหน้าพระลูกชายเลย
 จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง นางได้พบท่านพระกุมารกัสสปะกำลังออกเดินรับบิณฑบาตอยู่ ด้วยความดีใจสุดจะยับยั้ง นางได้ร้องเรียกขึ้นว่า “ลูก ลูก” 
แล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อสวมกอดพระลูกชาย 
แต่เพราะว่านางรีบร้อนเกินไป จึงได้สะดุดล้มลงเสียก่อน

พระกุมารกัสสปะคิดว่า
 “ถ้าหากว่าเราพูดกับมารดาด้วยถ้อยคำอันไพเราะแล้ว 
นางก็ยิ่งเกิดความสิเนหารักใคร่ในตัวเรามากยิ่งขึ้น
 และจะเป็นเหตุทำให้นางเสื่อมเสียโอกาสบรรลุอมตธรรมได้ 

ควรที่เราจะกล่าวคำพูดที่ทำให้นางหมดอาลัยในตัวเราแล้ว นางก็จะได้บรรลุอมตธรรม” 

ดังนี้แล้ว จึงกล่าวแก่นางว่า

 “ท่านมัวทำอะไรอยู่ จึงตัดไม่ได้แม้กระทั่งความรัก”

ถ้อยคำของพระกุมารกัสสปะทำให้นางรู้สึกน้อยใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

 นางคิดว่า “เราร้องไห้เพราะคิดถึงลูกชายนานถึง ๑๒ ปี เมื่อพบลูกชายแล้วกลับถูกลูกชายพูดจาตัดเยื่อใย
ให้ต้องช้ำใจอีก”

 ด้วยความน้อยใจเช่นนี้ นางจึงตัดรักตัดอาลัย หมดความสิเนหาในตัวลูกชายอย่างสิ้นเชิง
 แล้วนางก็ได้ตั้งใจปฏิบัติวปัสสนากรรมฐาน 
จนได้บรรลุพระอรหัตผลในวันนั้นนั่นเอง

ได้รับยกย่องวาแสดงธรรมอย่างวิจิตร

พระกุมารกัสสปะนั้นท่านได้เป็นกำลังช่วยเหลือกิจการพระศาสนาเต็มกำลังความสามารถ 
ท่านมีความสามารถพิเศษในการแสดงธรรมได้อย่างวิจิตรพิสดาร ทั้งข้ออุปมาอุปไมยเปรียบเทียบให้ผู้ฟังรู้แจ้งเห็นจริง เข้าใจอย่างง่ายดาย

ครั้งหนึ่ง ท่านได้แสดงธรรมโปรดพระเจ้าปายาสิ
 ผู้ครองนครเสตัพยะ ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ 

มีความเห็นผิดว่าโลกหน้าไม่มี กรรมดีกรรมชั่วไม่มีผล
 นรกสวรรค์ก็ไม่มี
 เมื่อได้ฟังธรรมจากพระเถระแล้วกลับเป็นสัมมทิฏฐิ 
ประกาศตนเป็นอุบาสก นับถือพระรัตนตรัยตลอดพระชนม์ชีพ

ด้วยเหตุนี้  พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุ
ทั้งหลายในทางผู้แสดงธรรมอันวิจิตร
ท่านดำรงอายุสังขาร
 สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

—————————-
ข้าพเจ้าสิ้นสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย
ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอาทิตย์ที่23สิงหาคม 2563..

วันอาทิตย์ที่23สิงหาคม 2563..
ร่วมตั้งโรงทานถวายมหาสังฆทาน20วัด ณ.วัดบ้านหนองสะมอน ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ
ตั้งโรงทานวัดในตำบลจิกสังข์ทอง ถวายมหาสังฆทาน20วัด
อนุโมทนา
———————————
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: ข้าวผัด 
: ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้น่องไก่
: ปลาทูทอด
: แกงป่าไก่
: ต้มจืดหมึกยัดไส้
: แกงลาว ไข่มดแดง
: ผัดฟักทองใส่ไข่
: น้ำพริกกากหมู
: ปลากดคังลวกจิ้ม
: เมี่ยงปลาทูโรล
: ขนม ทาร์ตผลไม้ 
: ผลไม้ ลำไย มะม่วงน้ำปลาหวาน

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด.. 
: ข้าวเหนียว ข้าวสวย 
: ไข่พะโล้ 
: ผัดวุ้นเส้นดอกขจร 
: ข้าวผัดไข่
: หมูทอดกระเทียม 
: ผัดพริกแกงหมูหน้อไม้ 
: แจ่วปลาร้า ผักสด 
: ขนม เฉาก๊วย ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด 
: ผลไม้ องุ่นดำนอก กล้วยน้ำหว้า 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

วันเสาร์ที่22สิงหาคม 2563..

วันเสาร์ที่22สิงหาคม 2563..
ร่วมตั้งโรงทานงานยกช่อฟ้า ฉลองพระประธานวัดป่าวิมลมังคลาราม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์
และญาติโยมจำนวน2,000-3,000คน
———————————
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: โจ๊กหมูเด้งไข่ลวก
: แกงหมูใส่มะเขือ
: ต้มแซบกระดูกอ่อน
: ไข่ลูกเขย
: ผัดบวบ
: น้ำพริก
: ขนม 
: ผลไม้ 

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด..
: ข้าวสวย ข้าวเหนียว 
: ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก
: หนังไก่ทอด 
: แหนม ผักสด 
: แจ่วบ่องปลาร้าสับ ผักสด 
: ไข่เป็ดต้มยางมะตูม 
: แกงลาว 
: ผัดขิงหมู 
: แกงพแนงไก่ 
: ข้าวผัด 
: ขนม ลอดช่องสิงคโปร เฉาก๋วย ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด ชีสเชคสับปะรด ขนมเค้ก 
: ผลไม้ แตงโม กล้วยน้ำหว้า สาลี่ 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

วันศุกร์ที่21สิงหาคม 2563..

วันศุกร์ที่21สิงหาคม 2563..
การเจริญวิปัสสนากัมฐานตามแนวสติปัฎฐานสี่ 
ใช้สติควบคู่กับกายและจิต
ทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ 
เมื่อใดเกิดสภาวะธรรมเข้ามากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย
เกิดเวทนาทางกาย ก็ปล่อยวางกาย

ไม่ปล่อยวางจิต

รู้เห็นความเป็นไปเพื่อดับความเห็นผิด 
ดับความลังเลสงสัย ดับความตระหนี่ 
ดับได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำทุกวันทุกขณะ 
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 
อย่าขาดสติ เพียงทำจิตให้เป็นกุศลก็พอ 
———————————
ถวายพรม28ม้วนสำหรับใช้ในงานบุญ
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: สุกี้ทะเล
: แกงคั่วหอยขม
: ต้มส้มปลาทู
: ไก่ต้มน้ำปลา
: ผัดดอกโสนกะทิ
: น้ำพริกกะปิผักทอด
: ยํามะม่วงปลากรอบ
: หอยจ๊อ
: ไข่เจียวดอกโสน
: สลัด 
: ขนม เค้กกาแฟ ซาลาเปา ครองแครง
: ผลไม้ แคนตาลูป แอปเปิ้ล สาลี่ ฝรั่ง 

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด.. 
: ข้าวเหนียว ข้าวสวย
: หัวใจทอดกระเทียม 
: ต้มยำน้ำข้น 
: หลนปลาส้ม 
: ปลาดอรี่ผัดต้นหอม 
: ไข่ดาว 
: ปลาช่อนทอด 
: ผัดกระเพราลูกชิ้นหมูหน่อไม้ 
: ขนม ลอดช่องสิงคโปร 
: ผลไม้ กล้วยหอม 
: กล้วยน้ำหว้า แตงโม องุ่น 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

ทาน ศีล ภาวนา ทุกๆนาทีมีสติ มีศรัทธา มีความละอาย

ทาน ศีล ภาวนา ทุกๆนาทีมีสติ มีศรัทธา มีความละอาย
เกรงกลัวต่อบาป ทำด้วยความเคารพรักในคุณของพระรัตนตรัยเท่าลมหายใจที่มี 

ท่านทั้งหลายจงจดจำข้าพเจ้าไว้ว่าข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ท่านจงกล่าวคำว่า..อนุโมทนาสาธุเถิด

วันพฤหัสบดีที่20สิงหาคม 2563..
ตั้งโรงทานถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ในคณะภาค10 ประชุมเจ้าอาวาสจังหวัดอำนาจเจริญ
จำนวน600รูป/คน

รวมตั้งโรงทานถวายพระสงฆ์สามเณร
ญาติโยมที่ร่วมงานจำนวน12,000รูป/คน
———————————
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: ผัดกระเพรากุ้ง หมึก หมูสับไข่ดาว
: แกงส้มแป๊ะซะ
: แหนมทอด 
: ต้มจืดเต้าหู้ หมูสับ
: ผัดหมี่
: แกงสับปะรด
: น้ำพริกปลาทู
: แกงเปรอะ
: ตำขนุน
: สลัด 
: ขนมตาล มันเชื่อม ขนมเบื้อง ข้าวโพดคลุกเนย ลูกชุบ แซนวิทแฮมชีส 
: ผลไม้ ขนุน ฝรั่ง แอปเปิ้ล แคนตาลูป มะละกอ 

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด.. 
: ข้าวสวย ข้าวเหนียว 
: แหนมทอด ไส้กรอกทอด 
: ต้มจืดผักกาดดองกระดูกหมูอ่อน 
: น้ำพริกปลาร้า ผักสด 
: ข้าวผัดทะเล 
: ต้มโคล้งปลาช่อนทอด
: ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เส้นหมี่ลูกชิ้น 
: ขนม ลอดช่องสิงคโปร 
: แตงโม แคนตาลูป กล้วยหอม 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

วันพุธที่19สิงหาคม 2563..

วันพุธที่19สิงหาคม 2563..
ตั้งโรงทานถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ในคณะภาค10 ประชุมเจ้าอาวาสจังหวัดมุกดาหาร
จำนวน600รูป/คน
———————————
เป็นผู้แทนเจ้าภาพถวาย
ถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์สามเณร
: ณ วัดดงก้าวกัลยาราม 
: ณ อุทยานธรรมดงยาง 
: ณ วัดศรีมงคล 
: ณ วัดป่านาดี
: ณ วัดบ้านแต้  
: ณ วัดนาโพธิ์
: ณ วัดเดื่อ 
: ณ วัดบ้านโจด 
: ณ วัดบ้านแคนใหญ่
ในตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมบ้านเพชรบำเพ็ญ
พุหวายหมู่ 6 ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

: ณ สำนักปฎิบัติธรรมวิโรจนาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รวมพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
จำนวน 400 รูป/คน

ภัตตาหารที่ถวายวันนี้

..บ้านเพชรบำเพ็ญ..
: มาม่าน้ำหมูสับลูกชิ้น
: ผัดสะตอกุ้ง
: ต้มจับฉ่าย
: ผัดผักกาดดองใส่ไข่
: แป๊ะซะปลาช่อนผักกระเฉด
: น้ำพริกปลาป่น
: ส้มตำถาด
: สลัดโรล 
: ฟรุ้ตสลัด ขนมปังปิ้งเนยน้ำตาล ขนมถ้วยฟู ข้าวต้มมัด กล้วยเชื่อม
: ผลไม้ แก้วมังกร แอปเปิ้ล

..อุทยานธรรมดงยาง และอีก 9 วัด.. 
: ข้าวสวย ข้าวเหนียว 
: แหนมทอด ไส้กรอกทอด 
: ต้มยำทะเล น้ำใส 
: น้ำพริกปลาร้า ผักสด 
: ผัดกระเพราหมูสับ 
: ต้มจืดหมูสับสาหร่าย
: ผัดกระหล่ำปลีหมู 
: ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เส้นหมี่ลูกชิ้น 
: ขนม ลอดช่องสิงคโปร 
: แตงโม องุ่น แคนตาลูป 

.————————–
..น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย..
..ตั้งนะโม 3 จบ..
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี
 สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี 
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา 
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิ สมาธิยามิ

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าข้าพเจ้ามีศรัทธาตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัยด้วยปฎิบัติบูชานี้
ทรัพย์ในทานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ดีแล้ว

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ผู้เป็นเนื้อนาบุญในทิศทั้งสี่ ขอพระสงฆ์จงโปรดรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าบริสุทธิดีแล้ว จงเป็นไปเพื่อการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานตลอดพรรษา

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญกุศลผลบุญใดที่ท่านเพ่งเพียรเจริญภาวนาจนเกิดสภาวะธรรม เกิดปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

สิ้นสงสัยในคุณพระศรีรัตนตรัย
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ขออนุโมทนากับเจ้าภาพที่ร่วมบุญทุกท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ
———————————

วันแรม14ค่ำเดือน9

วันแรม14ค่ำเดือน9
วันบุญประดับดิน ถวายผ้าป่าสร้างลานเจดียพระธาตุ
โฮมบุญ วัดมะฟัก บ้านจิกสังขทอง อ.ราษีไสล จ.ศรีสะเกษ

วันเวลาไม่เคยรอใคร ตัดความตระหนี่ไม่ได้ก็ไม่มีโอกาส
ความตายรออยู่ข้างหน้า หาบุญทำพร้อมดับทุกเวลา

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ