สิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากในโลกนี้ 4 อย่าง

ผลในทางโลก

ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากในโลกนี้มีอยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ


๑. การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก ต้องอาศัยกำลังความเพียรในการสั่งสมความดีอย่างยิ่งยวด
พระพุทธองค์ทรงอุปมาความยากในการเกิดเป็นมนุษย์ไว้ว่า “ในท้องทะเลกว้างใหญ่สุดจะประมาณ มีเต่าตาบอดทั้งสองข้างอยู่ตัวหนึ่ง ทุกๆ หนึ่งร้อยปี จะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ๑ ครั้ง
และในท้องทะเลนี้มีห่วงที่พอดีกับหัวเต่าลอยอยู่อันหนึ่ง โอกาสที่เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมา แล้วเอาหัวสอดเข้าไปในห่วงพอดี มีความยากเพียงใด โอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น มีความยากยิ่งกว่า” เพราะหากเกิดเป็นสัตว์เดรรัจฉาน หรือ โอปปาติกะ ก็หมดโอกาสเหมือนกัน เพราะไม่อาจเข้าใจภาษาหรือปฏิบัติถึงชั้นสูงสุดได้

๒. การรักษาชีวิตตนเองให้ยืนยาว เมื่อเกิดมาแล้ว การที่จะรักษาชีวิตให้ดำเนินอยู่บนเส้นทางของการสร้างความดีไปได้ตลอดรอดฝั่งก็ทำได้ยาก เพราะภัยและอันตรายต่างๆ ที่เกิดกับชีวิตของเรามีอยู่รอบตัว และการที่จะได้มีโอกาสฟังธรรมของสัตบุรุษเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ในโบราณกาลผู้คนต่างแสวงหาความรู้อันแท้จริง และปรารถนาที่จะสนทนากับนักปราชญ์บัณฑิต เพื่อที่จะได้ดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามคำสอนอันประเสริฐ

๓. การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ กว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ต้องสร้างบารมีกันยาวนานหลายอสงไขยกัปทีเดียว ท่านสร้างบารมีทุกรูปแบบ แม้บางชาติจะพลัดไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน แต่ท่านก็ยังคงสร้างบารมี เพื่อมุ่งหวังพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงเป็นการยากอย่างนี้

๔. การได้ฟังธรรมจนเกิดความเลื่อมใส ต้องอาศัยเหตุปัจจัยต่อเนื่องจากผลดังกล่าวข้างต้นประกอบกัน การได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เพราะถึงเกิดเป็นมนุษย์ หากไม่ได้เกิดในเขตแดนพระพุทธศาสนา ย่อมไม่มีโอกาสศึกษาธรรมได้ลุ่มลึก เพราะบางภพอาจว่างจากพระพุทธเจ้ามีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือในเขตศาสนาอื่น ที่มีแต่ความวุ่นวายจนเป็นกลียุคได้
การเกิดเป็นมนุษย์นั้นต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ การกำเนิดเป็น “คน” นั้นยากเย็นแสนเข็ญ บางดวงจิตดวงวิญญาณ รอการเกิดเป็นคนมานานนับกัปป์กัลป์ แต่ท่านไปทำลายโอกาสและความหวังหนึ่งเดียวที่รอมานานแสนนาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของทารกที่อยู่ในครรภ์แม้แต่นิดเดียว และเกิดจากการการะทำของผู้ให้กำเนิดในเพศที่เรียกกันว่า “แม่”
หากเขาได้เกิดมาลืมตามองโลก เขาอาจจะเป็นบุคคลสำคัญที่มีคุณค่าต่อชาติบ้านเมือง หรือของโลกก็ได้
เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นั้นสามารถสร้างบุญได้สูงสุดในโลกก็ว่าได้ เฉกเช่นการตรัสรู้ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มาจากความเป็นมนุษย์นี่แหละ แต่แล้วจู่ ๆ ก็ถูกพวกท่านทั้งหลายมาตัดอนาคตการเกิด ด้วยการ “ฆ่า” ทำให้เขาหมดโอกาสเกิดมาสร้างบุญสร้างกุศล ตัดโอกาสการใช้หนี้เวรหนี้กรรม
โอกาสเกิดมารับใช้ชาติบ้านเมืองซึ่งอาจจะสร้างผลประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ต่อไปในภายภาคหน้า หรือ หากเกิดเป็นชายก็จะมีโอกาสได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา บางคนอาจจะคิดเลยไปว่า ตายเสียได้ก็ดี เกิดมาอาจพิกลพิการ ปัญญาอ่อน หรือ ทำตัวเป็นคนชั่วช้าลามกก็ตาม
นั่นเป็นเรื่องของของกรรมแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเที่ยวไปพิพากษาโทษเขา อยู่ที่เรารู้จักอบรมดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูให้ดีแค่ไหนเท่านั้น บางคนก็คิดเองว่า เพียงเดือนเศษยังเป็นก้อนเลือดยังไม่เป็นตัว ไม่ถือเป็นบาป
แต่ในทางความเป็นจริงในทางพระพุทธศาสนาถือว่า เมื่อไข่ได้รับการผสมเชื้อแล้ว ก็เกิดการปฏิสนธิ ถือว่าชีวิตได้เริ่มต้นพัฒนาตัวเองแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะแอบอ้างหรือแก้ตัวแต่อย่างใด แม้แต่ทางโลกก็ถือว่าผิดกฏหมายและผิดศีลธรรม ถึงแม้ว่าจะเกิดจากไม่เจตนา เช่น จากอุบัติเหตุ หรือ แท้งโดยธรรมชาติ ก็ยังถือว่าเป็นบาปอยู่ดี
เพราะการจะถูกฆ่าโดยวิธีใด จากเจตนาหรือโดยประมาทย่อมมีความผิดอยู่ดี ย่อมสร้างความโกรธและความแค้นให้กับดวงจิตดวงวิญญาณได้เหมือนกัน มากหรือน้อยก็อีกกรณีหนึ่ง
ถ้าเป็นคุณถูกเขา “ฆ่า” บ้าง จะรู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะการทำแท้งนั้น เป็นเจตนาและกระทำอย่างเลือดเย็น คิดว่ามีเหตุผลพอเพียงที่ดวงวิญญาณนั้นจะโกรธแค้นหรือไม่
ดังนั้นความเป็น “คน” หรือ “มนุษย์” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ใช่จะเกิดง่าย ๆ แต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก จนเติบใหญ่ขึ้นมา ใฝ่ศึกษาหาความรู้
ย่อมมีโอกาสในการสร้างบุญกุศลในระดับต่าง ๆ เช่น การให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา สุดแท้แต่ภูมิสติปัญญาของแต่ละคนอันดับแรกเลย เป็นการทำผิดศีล ๕ ในข้อที่ ๑ คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
แต่สัตว์ที่ถูกฆ่าคือสัตว์มนุษย์ ฉะนั้นท่านคือ “ผู้ร้ายฆ่าคน” ไม่ว่าจะเกิดจากเจตนาหรือไม่ก็ตาม รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ในเมื่อชีวิตหนึ่งต้องสูญเสียไปจากการกระทำใด ๆ ก็แล้วแต่ ย่อมก่อให้เกิดความเศร้าเสียใจและจิตใจหดหู่ขาดความสุขไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว
ดังนั้นความเป็น “คน” หรือ “มนุษย์” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ใช่จะเกิดง่าย ๆ แต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก จนเติบใหญ่ขึ้นมา ใฝ่ศึกษาหาความรู้ ย่อมมีโอกาสในการสร้างบุญกุศลในระดับต่าง ๆ เช่น การให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา สุดแท้แต่ภูมิสติปัญญาของแต่ละคน

..แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..