วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๖ เหตุอัศจรรย์ ทางกลับกัน หลายคนไม่เชื่อ

วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๖ เหตุอัศจรรย์ ทางกลับกัน หลายคนไม่เชื่อ
หลายคนเมื่อศึกษาประวัติพระพุทธเจ้าตอนประสูติ ไม่เชื่อว่าเด็กอะไรเกิดมาพูดได้และสามารถเดินได้เลย บางคนถึงขนาดเชื่อว่าเป็นเหมือนตำราเรียนที่ถูกแต่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องจริง

พระพุทธเจ้าประสูติแล้วพูดได้ ๓ ชาติ
ชาติที่ ๑ เกิดเป็นพระมโหสถ ขณะนั้นท้าวสักกเทวราช ทราบว่าพระโพธิสัตว์ได้คลอดออกจากครรภ์มารดาแล้ว จึงเสด็จหายตัวลงมาวางแท่งโอสถไว้ที่หัตถ์ของพระโพธิสัตว์ ที่พึ่งจะเกิดแล้วเสด็จหายวับไปในที่พิมานของตนในทันที ฝ่ายนางสุมนาเทวีเห็นแท่งยาอยู่ในมือของลูก เกิดความสงสัยจึงถามว่า
” อะไรหรือลูก ลูกได้อะไรมาหรือ ”
มโหสถพูดขึ้น “ยาจ๊ะแม่” แล้ววางทิพยโอสถลงในมือมารดา นางสุมนาเทวีได้ยินเสียงลูกพูดก็ตกใจ คิดในใจว่าลูกเราจะต้องเป็นอัจฉริยบุคคลแน่ ๆ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เด็กเพิ่งแรกคลอด พูดได้อย่างไร
ขณะที่นางดีใจอยู่กับความอัจฉริยะของมโหสถอยู่นั้น มโหสถก็กล่าวขึ้นว่า ” แม่จงแจกยานี้แก่คนเจ็บ คนไข้ ผู้รับยานี้ไปจะหายโรคหายภัยไปเป็นปลิดทิ้ง “

ชาติที่ ๒ เกิดเป็นพระเวสสันดร พระมหาสัตว์ประสูติจากพระครรภ์แห่งพระมารดา เป็นผู้บริสุทธิ์ ลืมพระเนตรทั้งสองออกมา เมื่อออกมาก็เหยียดพระหัตถ์ต่อพระมารดาตรัสว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า หม่อมฉันจักบริจาคทาน มีทรัพย์อะไรๆ บ้าง ครั้งนั้น พระชนนีตรัสตอบว่า พ่อจงบริจาคทานตามอัธยาศัยของพ่อเถิด แล้ววางถุงกหาปณะพันหนึ่ง ในพระหัตถ์ที่แบอยู่

ชาติที่ ๓ เกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระโพธิสัตว์ผู้ประสูติแล้วได้ครู่หนึ่ง ประทับยืนด้วยพระบาททั้งสองอันสม่ำเสมอ ผินพระพักตร์ทางด้านทิศอุดร เสด็จดำเนินไปเจ็ดก้าว และเมื่อฝูงเทพดากั้นเศวตฉัตรตามเสด็จอยู่ ทรงเหลียวแลดูทั่วทุกทิศ เปล่งวาจาว่า “เราเป็นเลิศในโลก เราเป็นใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา การเกิดมิได้มีอีกต่อไป”

พระอรรถกถาจารย์ท่านระบุเอาไว้ว่า

ประเภทที่ ๑ สัตว์บางจำพวก ขณะจุติไม่รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปไม่รู้ตัว ขณะลงสู่ครรภ์ไม่รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์ไม่รู้ตัว ต่อจนคลอดออกมาถึงรู้ตัว
บุคคลส่วนใหญ่ที่เกิดมาในโลกนี้ จัดอยู่ในประเภทแรกนี้

ประเภทที่ ๒ สัตว์บางจำพวก ขณะจุติไม่รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปไม่รู้ตัว ขณะลงสู่ครรภ์ไม่รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์รู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว

ประเภทที่ ๓ สัตว์บางจำพวก ขณะจุติไม่รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปไม่รู้ตัว ขณะลงสู่ครรภ์รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์รู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว

ประเภทที่ ๔ สัตว์บางจำพวก ขณะจุติไม่รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปรู้ตัว ขณะลงสู่ครรภ์รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์รู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว

ประเภทที่ ๕ สัตว์บางจำพวกขณะจุติก็รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปก็รู้ตัว ขณะลงสู่ครรภ์มารดาก็รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์มารดาก็รู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว

พระโพธิสัตว์จัดอยู่ในประเภทสุดท้าย ที่มิสติสัมปชัญญะ รู้ตัวตลอดทุกขณะ ไม่มีอะไรมาขวางกั้นความสามารถพิเศษต่างๆได้ เพราะฉะนั้นเรื่องพูดได้ เรื่องเดินได้เป็นเรื่องเล็ก

ชาติก่อนทำอะไรได้ชาตินี้ก็ทำได้ทั้งหมด แต่เนื่องจากร่างที่เกิดใหม่เป็นเด็กยังไม่แข็งแรงพอ เดิน ๗ ก้าวก็จะแย่เหมือนกัน เปรียบเหมือนปูที่ลอกครอบ ยังเป็นปูนิ่ม รู้และจำได้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ เพราะร่างกายยังนุ่มนิ่มอยู่ เมื่อกระดองแข็งแรงเมื่อไรก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ

ตามอ่านตอนต่อไปนะคะ

แม่ชี ทศพร วชิระบำเพ็ญ