ปัตจัตตัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 7 :-

ปัตจัตตัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 7 :-

–ทางออก–

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..

เรา..แม้ใครจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใด แต่ก็มีสี่ประการที่ไม่สามารถทำได้

พุทธสาวกถามพระพุทธองค์ว่า

“ในเมื่อพระองค์เป็นผู้ที่มี ความเมตตา แลมีอิทธิฤทธิ์มากมายไม่มีประมาณแล้ว เหตุใดเล่ายังมีคนที่ลำบากอยู่?” 

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า

“พระองค์แม้จะมีอิทธิฤทธิ์มาก เพียงไรแต่ก็ไม่สามารถดลบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะวิบากกรรมที่ทำกันไว้เป็นเรื่องแต่ละบุคคล ที่สั่งสมกันมาข้ามภพข้ามชาติ”

..วิบากกรรม..เปลี่ยนแปลง..หรือ..รับแทนกันไม่ได้..

1. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้ ไม่มีใครรับแทนได้คนนั้นต้องรับเอง

2. ปัญญา..ให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองถึงจะเกิดปัญญาได้

3. ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาลต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง

4. คนที่ไม่มีวาสนา ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา

..หาเวลามาปฏิบัติธรรม..
..เพื่อหาทรัพย์ภายใน..ไว้ใช้ทั้งโลกนี้และโลกหน้าดีกว่า..

..เข้าพรรษาแล้ว..
..ศึกษา..ขัดเกลารากลึกแห่งกรรม..

การปฏิบัติธรรม..เป็นทางออกที่น่าค้นหา
รักษาศีล 8..แสดงตนว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
สวดมนต์..ทำวัตรเช้า..เย็น..ฟังธรรม

..ในขณะสวดมนต์..
กล่าวถึง สัจจะความเป็นจริงทุกคำ ตั้งแต่ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น

..มนต์ที่สวด..
แปลออกมาเป็นภาษาไทย กล่าวถึงสัจจะธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ อริยสัจสี่ บทอภิธรรม กล่าวถึงธรรมที่เป็นกุศลและธรรมที่เป็นอกุศล 

..ในแต่ละวัน..
ได้กล่าวถึงคำที่ประเสริฐ..คำจริง..เทวาอารักษ์..หมอบกราบอนุโมทนาทุกครั้ง

..หลังจากสวดมนต์เสร็จ..
นั่งสมาธิ..แผ่เมตตาให้พ่อแม่..ปู่ย่า..ตายาย..ที่เรามีสายเลือด..มีอุปนิสัยมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์..ขอให้มีส่วนแห่งการรักษาศีล..เจริญภาวนา..แผ่เมตตา (อันนี้ก็ได้ให้ทานอีก)

แม้การนั่งจะสับสน..ดิ้นรน..ก็ตั้งสติเอาชนะใจ..ที่สับสนแผ่เมตตา..เพื่อให้อารมณ์ในใจเป็นกุศล 

ไม่มีใครที่นั่งหลับตาแล้วสงบนิ่งจากกิเลสในครั้งเดียว..นอกจากคนที่เคยสะสมสร้างไว้ก่อนเก่า

สำรวม..ระวัง..ตา..หู..จมูก..ลิ้น..กาย..ใจ
ระวังสิ่งที่กระทบ..จะทำให้ก่อบาป..ก่อกรรมใหม่..ในแต่ละวัน
..สำรวมระวัง..สำคัญมาก..

>>บาปกับบุญ..ใกล้กันแค่ลมหายใจเข้าออก<<

นั่งแล้วไม่สงบ..หยิบไม้กวาด..กวาดลานปฏิบัติธรรม..หาทำ..หาทำประโยชน์ในการรักษาศีล..ให้ทาน..ไตร่ตรองพิจารณา

ปฏิบัติธรรม..คือ..การนำตนเข้าสู่ความเป็นจริงทั้งกาย..วาจา..ใจ 

หากอยากแก้ไขกรรม..ที่ทำไว้กับพ่อแม่
เจริญวิปัสสนา..สมาทานกรรมฐาน
ถวายชีวิตแด่พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์..พิจารณาสิ่งปฏิกูลเปื่อยเน่าในกาย

ภาวนาอะไรก็ได้..ตามถนัด
ใช้อุบาย..ไม่ให้อารมณ์ใจฟุ้งซ่าน

..พิจารณากาย..
นึกดูตั้งแต่ หัวกระโหลก มีผม มีมันสมองเส้นเลือดน้อยใหญ่ ลูกในตา จมูก เพดาน ปาก ลิ้น ฟัน ใบหน้า หู หลอดลม หลอดอาหาร หัวใจ ตับ ปอด ดี ม้าม กระเพาะ สำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไต ทวารหนัก ทวารเบา

เส้นเลือดน้อยใหญ่
เส้นเอ็นที่ร้อยรัด 
เส้นขน..ตลอดกาย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดดำ เม็ดเลือดขาว มันเหลว มันข้น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

หากข้าพเจ้า..เคยเสพ..หรือ..ดูดดื่ม..เลือดเนื้อของพ่อแม่..ที่เลี้ยงดูข้าพเจ้าด้วยทุกข์ใด

ขอถวายศีล..ทาน..ภาวนา..ในครั้งนี้เพื่อบูชาคุณบิดามารดา 

..ทำบ่อยๆ ทำให้ชิน..
ตัณหาแห่งกาม..จะทยอยออกมาทางกาย ..ทางใจ..ตัณหาร้อยแปด..ท่วมท้นใจ ไม่ต้องสงสัย..ตัณหาแห่งกาม..ที่พ่อแม่ร่วมกัน ส่งผลเป็นการเกิดของเรา

ดูอารมณ์ของใจ..ที่สัมผัสกามตัณหา
ดับความสงสัย..ทำไมนั่นนี่??

ความลังเล..สงสัย..เป็นกรรมต่อเนื่อง
เหมือนมารขัดขวาง..ไม่ให้เกิดปัญญา

..ความก้าวหน้าของวิปัสสนา..
จะดิ่งไปสัมผัสก้อนเลือด มีสายรกที่สะดือแขนขาเล็กๆ มันสมอง ลูกนัยตา 

เวทนา..จะเริ่มปรากฏเป็นฉากๆ ปวดกระดูกสันหลัง ปวดกระหัวเข่า เสียใจ ดีใจ น้ำตาไหล เวียนหัว จะอาเจียน กระดูกเชิงกรานจะแตก ท้องแข็ง ท้องยุบ ท้องโต 

ถึงตอนนี้..ตนเองไม่เคยทนได้..ใช้เวลาเป็นปีๆ เริ่มต้นใหม่..อดทนจนความเจ็บปวด..ระเบิดออกจะกาย..มีลมออกทุกเส้นขน..หายปวดเหมือนปลิดทิ้ง

แม้ไม่ได้ลืมตา..แต่มันสว่างอยู่ในตาข้างใน

อดทนตั้งสติ..ไม่ให้ตื่นเต้น..ไม่ลืมตา
เกิดปัญญาทันที..เราได้ใช้กรรม..ที่เป็นแดนเกิดให้พ่อแม่แล้ว
..ความปิติเกิดน้ำตาไหล..ถึงสะอื้น..

ขณะนั้น..มีความคิดเข้ามาว่า

เป็นวาสนา..ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ได้ชดใช้ค่าน้ำนม หากชาติหน้ามีจริงของเกิดเป็นผู้ชาย จะบวชพระเพื่อไม่กลับมาเกิดอีก 

..ยิ่งรู้ว่าแก้ไขได้..ไม่เคยปล่อยโอกาสให้ลอยนวล..ทำทุกวัน..มากบ้าง..น้อยบ้าง..
เก็บแต้ม..ชดใช้เวรกรรม..ไม่สร้างกรรมใหม่ให้ตนเองและผู้อื่น

..สร้างบุญทุกโอกาส..
ให้ทานตนเองและผู้อื่น..ด้วยใจที่ปรารถนาดี
ในที่สุด..ก็ถวายชีวิต..ทำหน้าที่อุบาสิกาในพระพุทธศาสนา..อย่างมีเป้าหมาย

กรรมละเอียดมาก..วิปัสสนา..ก็วิเศษมาก
ใช้ศิลปะในการดำรงค์ชีวิต..ด้วยทาน..ศีล..ภาวนา..แก้เชือกที่ร้อยรัดจิตด้วยสติ 

เรียนรู้..ทุกขัง..อนิจจัง..อนัตตา 
ทุกลมหายใจ..เข้าใจ..ทุกกระบวนการ
แห่งความไม่เที่ยง..ใช้ไตรลักษณ์สอนตน
ในการปฏิบัติธรรม

>>หากท่านมีโอกาสลงมือปฏิบัติเมื่อไหร่..
ท่านจะเข้าใจ..และมีทางออกสิ่งที่อ่านปัตจัตตัง ธรรมทาน <<

..ทุกถ้อยคำตัวอักษร..
..เป็นปัตจังตัง..ที่ข้าพเจ้าประพฤติปฏิบัติมาด้วยตน..

..ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา..แด่คุณพระศรีรัตนตรัย..

..สาธุ..ปัตจัตตัง..ธรรมทาน..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..