ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ประทับ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตเมืองสาวัตถี
ภิกษุทั้งหลายที่เที่ยวเผยแพร่ศาสนาไปทั่วทิศานุทิศ เมื่อออกพรรษาต่างก็เดินทางมาเพื่อเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อมีเรืองอันใดที่สงสัยก็นำมาทูลถามกันตามแต่เหตุการณ์ ได้ถือปฎิบัติเช่นนี้ตลอดมา
มีภิกษุพวกหนึ่ง เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านรับนิมนต์ฉันในบ้านของคหบดีผู้หนึ่ง ขณะกำลังฉันข้าวยาคูเพื่อรอเวลาบิณฑบาต
เผอิญเห็นบ้านหลังหนึ่งในที่ไม่ไกล ถูกไฟไหม้ สาเหตุเกิดจากหญิงรับใช้ของบ้านนั้น จุดไฟหุงข้าวแล้วนั่งหลับไฟลามลุกเชื้อเพลิงติดหลังคา แล้วไหม้อย่างรวดเร็ว
ขณะไฟไหม้ในบ้านนั้นเปลวไฟโหมหนัก
ส่งเสวียนหม้อซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมไฟติดไหม้โดยรอบพุ่งขึ้นสู่อากาศ
บังเอิญมีกาตัวหนึ่งบินมาชนเสวียนหม้อ เอาคอสวมเข้าไปในวงเสวียนพอดี ไฟจึงไหม้กาตัวนั้นตกลงมาตายไม่ไกลจากพระภิกษุกลุ่มนั้น
ภิกษุเห็นดังนั้นก็เกิดความสังเวชใจ จึงพูดเป็นเชิงปรารภกันว่า
“ท่านทั้งหลายจงดูเถิด กาบินอยู่บนอากาศอันกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณที่เสวียนพุ่งไปในอากาศนิดเดียวก็ยังเอาศรีษะลอดเข้าไปไหม้จนได้
นอกจากพระศาสดาคงไม่มีใครทราบปุพพกรรมอันนี้ เมื่อเข้าเฝ้าก็จะขอทูลถามปุพพกรรมของกาให้จงได้”
แล้วเดินทางต่อไป ครั้นได้เฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว จึงทูลเล่าพฤติการณ์ของกาเท่าที่เห็นมา
แล้วทูลถามว่า “กานั้นได้ทำกรรมอันใดไว้จึงประสบเคราะห์กรรมเพียงนี้พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสพยากรณ์ว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาตัวนี้ได้เสวยผลกรรมที่ตัวก่อมาแต่อดีตชาติ มีประวัติโดยย่อว่า ในอดีตกาล กาตัวนี้เกิดเป็นชาวนาผู้หนึ่งในกรุงพาราณสี
เขาพยายามฝึกโคดื้อเพื่อไว้ใช้งานไถ แม้จะพยายามฝึกเพียงไรก็ไม่สำเร็จ โคไม่ยอมทำตาม
พอเดินลากไถไปหน่อยก็นอนเสีย ถูกเจ้าของตีและแทงด้วยปฏักก็ลุกไปหน่อยหนึ่งแล้วก็นอนตามเดิมอีก
พราหม์พยายามอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ ด้วยความโกรธสุดขีด จึงมัดฟางให้เป็นวงกลมมัดใหญ่ สวมเข้าไปในคอโค ปากก็กล่าวว่า
“เอ้า เจ้ามันอยากนอกนัก จงนอนให้สำราญเถิด”
ว่าแล้วก็เอาไฟแหย่เข้าที่มัดฟาง ไฟลุกไหม้ท่วมคอโคตัวนั้น โคเกิดความร้อนจึงวิ่งไปเอาตัวไสกับแผ่นดินก็ดับไม่ได้ จึงถูกไฟลวกตายในที่นั้นเอง
ด้วยผลกรรมของชาวนานั้น ตายแล้วไปเสวยกรรมอยู่เป็นเวลานาน เมื่อใช้กรรมสิ้นแล้วมาเกิดเป็นกา เอาศรีษะไปลอดเสวียนไฟไหม้ตายในอากาศนั่นเอง”
ภิกษุทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ต่างปลงธรรมสังเวชโดยทั่วกัน
Cr.วัดสังฆทาน
…………………………………………………….
กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
ทำแบบไหนได้รับแบบนั้น
ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ