ปัตจัตตัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 10 :-

ปัตจัตตัง ธรรมทาน

หน้าที่10

ชีวิตเลือกได้

โกรธ โลภ หลงมีโทษข้ามภพข้ามชาติ
ทำให้ระวังในการมีชีวิต
กลัวตกนรกตั้งแต่ยังไม่ตาย

ความจริงแล้วฤทธิ์ก็ให้ข้อคิดเตือนใจได้เป็นอย่างดี เห็นความอัศจรรย์ของสวรรค์
เห็นความทุกข์ทรมานของนรก 
เลิกทำชั่วก็เพราะฤทธิ์

มีหลุด มีเผลอไม่ง่าย ไม่ง่ายที่จะไม่โกรธมีคนใส่ร้ายใส่โทษทั้งที่ไม่เคยทำร้ายใคร โต้ตอบว่าเป็นผู้ไม่ผิด
ทำให้อารมณ์ไหลเข้าไปโกรธอีก

เป็นคนพูดจริง..ไม่ชอบคนพูดไม่จริง
เป็นคนขยัน..ไม่ชอบคนขี้เกียจ
ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอวดผู้อื่น
ทำแล้วโลภในบุญ
เห็นแต่ความผิดถูกจนรู้สึกเหนื่อย
ทำไมยังมีความคิดวนเวียนแต่เรื่องคนอื่น

กว่าจะรู้ว่านี่คือความมีมานะถือตัวถือตน
เสพอารมณ์ถูกผิดอยู่นานปี
เพราะคิดว่าเราดีกว่าเขา เราเหนือกว่าเขา

ทำอย่างไรหนอ? ทำอย่างไร?
ทำอย่างไร..สู้อย่างไรเพื่อชนะกิเลสในใจ
ความทุกข์ในใจทำให้เห็นโลกธรรม
อารมณ์ในใจยังติดอยู่ในโลกธรรมแปด 
ยังไม่ได้หลุดพ้นออกมาจากโลก

รูป รส กลิ่น เสียง
 กายสัมผัส อารมณ์อันน่ารักใคร่
หลงลืมสติ อารมณ์ถูกครอบงำ
ด้วยสัญญาแห่งกรรม
ทำให้เสวยอารมณ์กิเลส
หมกหมุ่นพอใจติดใจอยู่ในวังวนแห่งกาม สะสมทุกข์ บางครั้งเหมือนกลัว
แต่กรรมทำให้กล้ามากกว่ากลัว

กรรมทำให้อารมณ์ใจพัวพันเรื่องน่าเวทนา กรรมชั่วดูดความชั่วเข้ามาทำให้ไม่รู้สึกละอาย ถึงวันนี้กิเลสในใจก็ยัง
มีอยู่ เบาบางไปบ้างไม่มากนัก
เพียรรู้เท่าทันอารมณ์ยับยั้งชั่งใจ 

เวลาไม่พอให้พักหรือหยุดในการให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนา ชีวิตนี้น้อยนัก 
น้อยเกินไปที่จะว่ายออกจากวัฏฏะสงสาร

ทานศีลภาวนาทำพร้อมกันทุกวัน
อดทนเพียรเผาอารมณ์กิเลส
โยนิโสมนสิการน้อมเข้ามาในใจ

ปลุกเร้าคุณธรรม ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาคิดปรุงแต่งไปในทางเป็นประโยชน์เป็นกุศล ในการอยู่ร่วมกันอย่างให้เกียรติมีความสม่ำเสมอแสดงให้เห็นพฤติกรรมแห่งคุณงามความดีต่อบุคคล เหตุการณ์และสถานที่สิ่งแวดล้อม รวมถึงคนรอบตัว

อยู่กับผู้ประเสริฐเป็นสุขทุกเมื่อ

การเรียนรู้ไม่จบสิ้นใช้มหาสติปัฏฐานสี่
เพ่งพิจารณามีสติระลึกรู้กับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ เกิดขึ้นหรือรู้ล่วงไปก็รู้

โฟกัสที่กายกับใจของเราเท่านั้น

วางอุปสรรคที่จะขวางกั้นความดี

เริ่มต้นมีสติทุกขณะของลมหายใจ
ใช้ชีวิตตามปรกติ อดทนอย่างยิ่ง
รู้เพื่อละอารมณ์โลภโกรธหลง
เห็นโทษของกิเลสทุกรูปแบบ

สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน
ไม่ยึดเข้ามาปรุงแต่งอารมณ์ในใจ

กิเลสในใจเป็นของชินเกิดง่ายชนะยาก
ต้องดับอารมณ์ในใจเท่านั้น
ยากแค่ไหนก็ต้องอดทน เรียนรู้เพื่อ
เพื่อเข้าสู่กระแสธรรม

โลกภายนอกอยู่ยาก

สร้างโลกภายใน สร้างวินัยให้ตนเอง
เสียสละอย่ามีประโยชน์ รักษาเพื่อไม่เบียดเบียน ใจพร้อมกายพร้อมที่จะสร้างคุณงามความดีเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

ดับไม่เหลือเชื้อคือคำที่ดังก้องในใจ
ตั้งแต่เข้ามาบวชชีได้ห้าวัน

เขียนให้ทุกท่านอ่านเป็นเรื่องเฉพาะตัว
เฉพาะตน ใช้ทั้งชีวิตศึกษาทานศีลภาวนา
จนเกิดปัตจัตจังในชีวิตจริง

ทำทุกวัน ไม่เคยเลิกล้ม ชีวิตเลือกได้
มีมากก็ทำมาก มีน้อยก็ทำน้อยตามกำลัง
ไม่เดือดร้อนตนและผู้อื่น ไม่คิดหยุดทำ

ให้ทานไม่ได้  อารมณ์ตระหนี่ขี่คอไม่ปล่อย
รักษาศีลไม่ได้  เสวยภัยแห่งทุกข์รอบตัว
เจริญสติไม่ได้  เป็นทาสกิเลสโลภโกรธหลงจนตาย เลือกแบบไหนดีกว่ากัน

รักษาศีลไม่ให้ทานไม่เจริญภาวนา
ไม่ก้าวหน้าปัญญาไม่เกิด 
กิเลสมีกำลังมากกว่า 

กุญแจสำคัญที่ไขไปสู่ความสำเร็จ
ทำพร้อมๆกันทั้งให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนาทั้งหลับตาทั้งลืมตามีสติระลึกรู้
ท่านลงมือทำเมื่อไหร่ท่านจะรู้จัก
คำว่า ปัตจัตจัง 

รักคนอื่นมาทั้งชีวิตก็ได้ ได้สุขจากความรัก สุขพร้อมทั้งทุกข์ยังไม่ใช่สุขจริง

หันมารักตนเองให้โอกาสตนเอง
ท่านจะเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา
มีสติอยู่เหนือโลกธรรม ได้ประโยชน์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

พยัญชนะตัวอักษรทุกคำเป็นสิ่งที่เรียนรู้จากชีวิตจริง

ทุกถ้อยทุกธรรม ปัตจัตตัง ธรรมทาน
ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่คุณพระศรีรัตนตรัย

สาธุปัตจัตตัง ธรรมทาน

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2564

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

ถวายผ้าป่าสร้างโรงเรียนศากยะบุตรสีหะ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ถวายน้ำดื่ม4,800ขวดแก่พระสงฆ์ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวสติปัฏฐานสี่ ณ.ศูนยวิโรจนราม อ.ปากช่อง จ.
นครราชสีมา

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

ปัตจัจจัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 8 :-

ปัตจัจจัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 8 :-

..ความเห็นผิด..ส่งผล..

ทาน..ที่ให้แล้วมีผลจริง
ยิ่งให้ทาน..แก่ทักขิไณยบุคคลหรือผู้ควรแก่ทักขิณา
บุคคลที่ได้ฝึกอบรมตนในทางความประพฤติ และคุณธรรมต่างๆ อย่างเพียบพร้อม  กลายเป็นตัวอย่างแห่งชีวิต
ทีดีงามและมีความสุขยิ่ง มีผลมาก

แต่เราให้ไม่ขาด..เฝ้าถามหา..สิ่งที่ให้ยังอยู่มั้ย?? ได้ใช้หรือเปล่า?? 
..มีความสงสัยไม่สิ้น..

นั่นหมายความว่า..เรายังยึดมันถือมั่นในสิ่งที่ให้..แล้วก็ไม่รู้ว่า..สิ่งที่ให้..ได้มาจากทรัพย์ที่บริสุทธิ์หรือเปล่า

สิ่งที่ทำแล้ว..มีผลจริง..สงเคราะห์ญาติ สงเคราะห์คนที่ด้อยโอกาส 

บางครั้ง..สิ่งของที่เอาไปให้
ไม่มีอะไร..เป็นของเราสักอย่าง
แต่ก็สวมสิทธิ์..เป็นผู้จัดการเสร็จสรรพ 

สงเคราะห์ญาติ..ยิ่งเป็นไปได้ยากมาก 

อนุเคราะห์..พระภิกษุ..สามเณร..ผู้ประพฤติธรรม..แทนที่จะปลื้มปีติ เพราะได้ต่ออายุพระพุทธศาสนา ให้ท่านมีโอกาสทำหน้าที่ของท่านอย่างแท้จริง 

ก็คอยจับผิด..เสียดสี..นินทาพระสงฆ์สามเณร..นั่น..นี่..สารพัดไม่เคารพศรัทธาอย่างแท้จริง

การเซ่นสรวง..หรือ..การบูชา..มีผลจริง

การบูชา..คือ..การนำสิ่งของที่สมควรไปสักการะ..หรือ..มอบให้..ผู้ที่ควรบูชาซึ่งเป็นบุคคลที่ได้ทำคุณงามความดีทั้งแก่ตนและผู้อื่น 

การบูชาเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที..ผู้มีพระคุณต่อเรา เป็นการยอมรับนับถือ ยึดไว้เป็นแบบอย่าง

ส่งเสริมให้เกิดกำลังใจในการทำความดีการบูชาบุคคลผู้ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุดอย่างหนึ่ง

ความอิจฉา..มีมาก..ก็ไม่อยากเห็นความเจริญของใคร..ไม่เปิดโอกาสให้ตนเอง ที่จะนำมาเป็นแบบอย่าง 
..ไม่ยินดีในความดีของใคร..

วิบากแห่งกรรมดี..กรรมชั่ว..มีผลจริง 
กรรม..แปลว่า..การกระทำโดยเจตนา..คือ..การกระทำทางกาย..วาจา..และใจ ไม่ว่าดี..หรือ..ชั่วที่เกิดจากความตั้งใจของผู้กระทำ ถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น

มนุษย์ทุกคน..ล้วนปรารถนาความสุข 
การที่เราตั้งใจศึกษาวิชาการต่างๆ นั้นเพื่อเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงและความสุขให้กับชีวิต 

..หากเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมดี..
เราจะได้เลือกทำแต่ความดี..ละเว้นจากความชั่วและบาปอกุศลทุกชนิด

ก็เชื่อว่า”กรรมมีอยู่จริง” แต่ก็ไม่เคยเว้นได้ ด้วยผลแห่งความยึดมั่นถือมั่น..ก้าวไม่พ้น..กิเลสในใจ..ผิดศีล..ผิดธรรม..อารมณ์ในใจจึงเสวยผลแห่งกรรมตลอดเวลา

โลกนี้มีจริง..โลกตามหลักพระพุทธศาสนามีความหมาย กว้างมาก คือ ครอบคลุมไปถึง 3 เรื่อง 

ตั้งแต่สัตว์โลก หมายถึง จิตใจของหมู่สัตว์ทั้งหลายขันธ์โลกหรือสังขารโลก 

หมายถึง สังขารร่างกาย ขันธ์ 5 ของคนและสัตว์ทุกชนิดที่ประกอบด้วยกายและใจและโอกาสโลก หมายถึง สถานที่สัตวโลกได้อยู่อาศัย และที่ทำมาหากินรวมถึงบรรยากาศรอบตัว

โลกมีความสำคัญเพราะต้อง
อาศัยสร้างกุศลบารมี และโลกใบนี้ก็เป็นโลกแห่งการแสวงบุญ ไม่ใช่โลกแห่งการเสวยบุญ ต้องเร่งรีบสั่งสมบุญกุศลให้มากๆ

ความประมาทในชีวิตของเราแต่ละวัน ไม่เคยสนใจโลกใบนี้อย่างแท้จริง
เราแสวงหาผลประโยชน์หมกหมุ่นติดอยู่ในวังวนแห่งกามคุณและอบายมุข

เสียทรัพย์กับความพอใจจำนวนมาก
โดยไม่เสียดาย เห็นแก่ตัวมากกว่าจะเห็นแก่ส่วนรวม

โลกหน้ามีจริง หมายถึง เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริงไม่ได้ขาดสูญ หากจะสูญ 
ก็สูญเฉพาะสังขารร่างกายนี้เท่านั้น 

ยังไม่หมดกรรมเราจะได้รูปกายใหม่ ที่มีใจดวงเดิมเข้าไปครอง จะไปเป็นอะไรนั้นย่อมขึ้นอยู่กับบุญและบาปที่ได้ทำไว้ ในภพชาตินี้ เพราะกรรมจะเป็นเครื่องแบ่งแยกสัตว์ให้แตกต่างกัน 

เรื่องโลกหน้ายิ่งไกลออกไปอีก เกิดมาก็ไม่ได้มีเป้าในการดำเนินชีวิต อยากทำอะไรผิด หรือถูกไม่เคยสนใจมีอารมณ์เป็นใหญ่ขาดสติที่จะทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป

มารดามีคุณจริง ถ้าหากเรามีความเห็นที่ถูกต้องว่า มารดามีคุณต่อเราอย่างน้อย 3 ประการ คือ ให้ชีวิตแก่บุตร ให้ต้นแบบร่างกายที่เป็นมนุษย์ซึ่งเหมาะต่อการทำความดี และให้ต้นแบบทางจิตใจแก่บุตร 

แต่เราก็เห็นคุณของมารดาน้อยมาก
แทบจะไม่มองด้วยซ้ำ 

หากมารดาไม่มีทรัพย์สินเลี้ยงดู..ยิ่งไม่ต้องพูดถึง..เราซึมซับแต่บาปเสียดสี..แม่มีใจลำเอียง..ถกเถียงไม่เกรงกลัว..แม่ก็น้ำตาตก

บิดามีคุณจริง โดยทั่วไปบิดามีพระคุณต่อบุตร 3 ประการ เช่นเดียวกับมารดา 

แต่มักมีผู้สงสัยว่า บิดาที่ไม่ได้ให้การเลี้ยงดูบุตร ไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นพ่อนั้นจะยังมีคุณต่อลูกหรือไม่ 

ขอตอบแทนพ่อทุกคนว่า ท่านมีคุณต่อเรามาก เพราะเราต้องเกิดแบบชลาพุชะ คือเกิดในครรภ์ จำเป็นจะต้องอาศัยพ่อและแม่เป็นผู้ให้กำเนิด 

เริ่มที่พ่อเสพที่แม่ แล้วกลายมาเป็นเรา จะขาดบิดาไม่ได้ 

ดังนั้นถ้าไม่มีพ่อ เราก็ไม่อาจเกิดมา เพื่อสร้างบารมี นับว่ามีบุญคุณอย่างเหลือล้น

ความเห็นผิดจากความเป็นจริง ทำให้เรามีจิตใจหยาบช้า เสียดสีนินทาว่าร้าย
ไม่มีความเคารพด้วยคำที่รุนแรง
ไม่น่าทำให้เกิดมาเลย ไม่น่าเป็นพ่อจริงๆ
ปฏิเสธการให้ชีวิต

สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นมีจริง คือเกิดแบบไม่ต้องอาศัยครรภ์มารดา ข้อนี้เป็นศาสตร์แห่งใจหยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น

ผลของกรรมดี..ตายแล้วผุดเป็นเทวดามีรัศมีเรืองรองมีอาภรณ์ประดับกาย
ใช้กรรมดีหมด ก็มาเกิดใหม่

ผลของกรรมชั่ว..ตายแล้วเสวยผลกรรม กายผุดเป็นเปรตร่างกายล่อนจ้อนหิวโหย ใช้กรรมชั่วหมด ก็มาเกิดให้

พระอรหันต์ ผู้สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นที่ถูกต้องนี้จะนำไปสู่ความศรัทธาเลื่อมใสและอยากทำบุญกับผู้หมดกิเลส

หรืออย่างน้อยให้ได้ทำบุญกับพระสงฆ์ ที่ท่านกำลังฝึกหัดขัดเกลาตนให้หลุดพ้นจากกิเลส เราย่อมจะได้บุญใหญ่ ละโลกแล้ว ย่อมจะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป 

แต่ก็สงสัยพระสงฆ์ตลอดเวลา ทำไมไม่เป็นพระในแบบที่เราคิด

เพียรเพื่อละอกุศลกรรมในใจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ความเห็นผิดเป็นกรรมให้เกิด
อุปาทาน : ความถือมั่น ความยึดติด

ถือค้าง ถือคาไว้ ไม่ปล่อย ไม่วาง ตามควรแก่เหตุผล เนื่องจากติดใคร่ ชอบใจ ปรารถนาอย่างแรง เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
ตามเชื้อแห่งกรรม 

ถึงแม้จะได้คุณวิเศษ ก็ต้องชดใช้กรรม

เมื่อเจริญวิปัสสนา จึงต้องต่อสู้กับอารมณ์ในใจที่กรรมปรุงแต่งให้ไหลลงในหลุมดำ ลบหลู่ ตีเสมอ ก่อเวร

ยิ่งนั่ง..ก็ยิ่งโกรธ 
มีความโกรธทวีคูณ มีความอยากได้อยากมี อยากเป็น 

บางครั้งก็หลงว่า แนวทางของตนเป็นแนวทางที่ถูกต้อง 
ขาดการพิจารณอย่างแยบคาย

ท่านเชื่อมั้ยเรามีความเห็นผิดแบบนี้จริงๆ
อารมณ์ในใจ ไม่ได้เป็นกุศลตลอดเวลาด้วยผลแห่งกรรมจากความเห็นผิด

รู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่ายอารมณ์ในใจที่มีแต่บาปอกุศล

นั่งฟุ้งซ่าน รำคาญใจ คิดแต่เรื่องลามกเห็นแต่ภาพกรรมนั่นนี่ ปรุงแต่ง ไม่หยุด

เดี๋ยวปวดขาจะหลุด เดี๋ยวได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา เดี๋ยวได้ยินเสียงก้องเข้ามาในใจ หาอารมณ์สงบไม่เจอ นั่งแล้วคัน
เหมือนมดเป็นรังๆเดินอยู่เต็มร่างกาย
ลืมตาเพื่อปัดออก ก็ไม่มีสักตัวเดียว

หลับตา..หาเหตุผล..ก็รู้ว่ากำลังชดใช้กรรมที่มีความเห็นผิดต่างๆ

เจริญวิปัสสนา..เพื่อชดใช้กรรม
จะมีอารมณ์ในใจ..เวทนาอย่างนี้ 
กายกระทบเวทนาอย่างนี้ 
เบียดเบียนอะไร..ไว้แม้แต่ชีวิตเดียว..ก็ต้องชดใช้..

..สิ้นสงสัยในพระรัตนตรัย..
..สิ้นสงสัยในกรรมดี..กรรมชั่ว..
..มีศรัทธาตั้งมั่น..ไม่หวั่นไหว..

..รู้สึกสว่างกระจ่างใจมล..
..น้อมกราบ..ระลึกถึงพระรัตนตรัย..ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต..

หาทางทุบกำแพงอุปาทาน..ที่ผุดขึ้นในใจทุกขณะจิต

มองไปสุดขอบฟ้า..เห็นนกบินกลับรัง
ได้ธรรมะสอนใจตนทันที

หากเราแสวงหาความหลุดพ้น
เราต้องปล่อยวางตัณหาอุปาทาน
ลดอัตตาตัวตน 
ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ใจเราจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง

..รู้ใจผู้อื่น..ก็ไม่เท่า..รู้ใจตนเอง..

..สาธุ..ปัตจัตตัง..ธรรมทาน..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันพฤหัสดีที่ 10 มิถุนายน 2564

วันพฤหัสดีที่ 10 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

ปัตจัตตัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 7 :-

ปัตจัตตัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 7 :-

–ทางออก–

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..

เรา..แม้ใครจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใด แต่ก็มีสี่ประการที่ไม่สามารถทำได้

พุทธสาวกถามพระพุทธองค์ว่า

“ในเมื่อพระองค์เป็นผู้ที่มี ความเมตตา แลมีอิทธิฤทธิ์มากมายไม่มีประมาณแล้ว เหตุใดเล่ายังมีคนที่ลำบากอยู่?” 

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า

“พระองค์แม้จะมีอิทธิฤทธิ์มาก เพียงไรแต่ก็ไม่สามารถดลบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะวิบากกรรมที่ทำกันไว้เป็นเรื่องแต่ละบุคคล ที่สั่งสมกันมาข้ามภพข้ามชาติ”

..วิบากกรรม..เปลี่ยนแปลง..หรือ..รับแทนกันไม่ได้..

1. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้ ไม่มีใครรับแทนได้คนนั้นต้องรับเอง

2. ปัญญา..ให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองถึงจะเกิดปัญญาได้

3. ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาลต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง

4. คนที่ไม่มีวาสนา ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา

..หาเวลามาปฏิบัติธรรม..
..เพื่อหาทรัพย์ภายใน..ไว้ใช้ทั้งโลกนี้และโลกหน้าดีกว่า..

..เข้าพรรษาแล้ว..
..ศึกษา..ขัดเกลารากลึกแห่งกรรม..

การปฏิบัติธรรม..เป็นทางออกที่น่าค้นหา
รักษาศีล 8..แสดงตนว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
สวดมนต์..ทำวัตรเช้า..เย็น..ฟังธรรม

..ในขณะสวดมนต์..
กล่าวถึง สัจจะความเป็นจริงทุกคำ ตั้งแต่ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น

..มนต์ที่สวด..
แปลออกมาเป็นภาษาไทย กล่าวถึงสัจจะธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ อริยสัจสี่ บทอภิธรรม กล่าวถึงธรรมที่เป็นกุศลและธรรมที่เป็นอกุศล 

..ในแต่ละวัน..
ได้กล่าวถึงคำที่ประเสริฐ..คำจริง..เทวาอารักษ์..หมอบกราบอนุโมทนาทุกครั้ง

..หลังจากสวดมนต์เสร็จ..
นั่งสมาธิ..แผ่เมตตาให้พ่อแม่..ปู่ย่า..ตายาย..ที่เรามีสายเลือด..มีอุปนิสัยมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์..ขอให้มีส่วนแห่งการรักษาศีล..เจริญภาวนา..แผ่เมตตา (อันนี้ก็ได้ให้ทานอีก)

แม้การนั่งจะสับสน..ดิ้นรน..ก็ตั้งสติเอาชนะใจ..ที่สับสนแผ่เมตตา..เพื่อให้อารมณ์ในใจเป็นกุศล 

ไม่มีใครที่นั่งหลับตาแล้วสงบนิ่งจากกิเลสในครั้งเดียว..นอกจากคนที่เคยสะสมสร้างไว้ก่อนเก่า

สำรวม..ระวัง..ตา..หู..จมูก..ลิ้น..กาย..ใจ
ระวังสิ่งที่กระทบ..จะทำให้ก่อบาป..ก่อกรรมใหม่..ในแต่ละวัน
..สำรวมระวัง..สำคัญมาก..

>>บาปกับบุญ..ใกล้กันแค่ลมหายใจเข้าออก<<

นั่งแล้วไม่สงบ..หยิบไม้กวาด..กวาดลานปฏิบัติธรรม..หาทำ..หาทำประโยชน์ในการรักษาศีล..ให้ทาน..ไตร่ตรองพิจารณา

ปฏิบัติธรรม..คือ..การนำตนเข้าสู่ความเป็นจริงทั้งกาย..วาจา..ใจ 

หากอยากแก้ไขกรรม..ที่ทำไว้กับพ่อแม่
เจริญวิปัสสนา..สมาทานกรรมฐาน
ถวายชีวิตแด่พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์..พิจารณาสิ่งปฏิกูลเปื่อยเน่าในกาย

ภาวนาอะไรก็ได้..ตามถนัด
ใช้อุบาย..ไม่ให้อารมณ์ใจฟุ้งซ่าน

..พิจารณากาย..
นึกดูตั้งแต่ หัวกระโหลก มีผม มีมันสมองเส้นเลือดน้อยใหญ่ ลูกในตา จมูก เพดาน ปาก ลิ้น ฟัน ใบหน้า หู หลอดลม หลอดอาหาร หัวใจ ตับ ปอด ดี ม้าม กระเพาะ สำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไต ทวารหนัก ทวารเบา

เส้นเลือดน้อยใหญ่
เส้นเอ็นที่ร้อยรัด 
เส้นขน..ตลอดกาย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดดำ เม็ดเลือดขาว มันเหลว มันข้น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

หากข้าพเจ้า..เคยเสพ..หรือ..ดูดดื่ม..เลือดเนื้อของพ่อแม่..ที่เลี้ยงดูข้าพเจ้าด้วยทุกข์ใด

ขอถวายศีล..ทาน..ภาวนา..ในครั้งนี้เพื่อบูชาคุณบิดามารดา 

..ทำบ่อยๆ ทำให้ชิน..
ตัณหาแห่งกาม..จะทยอยออกมาทางกาย ..ทางใจ..ตัณหาร้อยแปด..ท่วมท้นใจ ไม่ต้องสงสัย..ตัณหาแห่งกาม..ที่พ่อแม่ร่วมกัน ส่งผลเป็นการเกิดของเรา

ดูอารมณ์ของใจ..ที่สัมผัสกามตัณหา
ดับความสงสัย..ทำไมนั่นนี่??

ความลังเล..สงสัย..เป็นกรรมต่อเนื่อง
เหมือนมารขัดขวาง..ไม่ให้เกิดปัญญา

..ความก้าวหน้าของวิปัสสนา..
จะดิ่งไปสัมผัสก้อนเลือด มีสายรกที่สะดือแขนขาเล็กๆ มันสมอง ลูกนัยตา 

เวทนา..จะเริ่มปรากฏเป็นฉากๆ ปวดกระดูกสันหลัง ปวดกระหัวเข่า เสียใจ ดีใจ น้ำตาไหล เวียนหัว จะอาเจียน กระดูกเชิงกรานจะแตก ท้องแข็ง ท้องยุบ ท้องโต 

ถึงตอนนี้..ตนเองไม่เคยทนได้..ใช้เวลาเป็นปีๆ เริ่มต้นใหม่..อดทนจนความเจ็บปวด..ระเบิดออกจะกาย..มีลมออกทุกเส้นขน..หายปวดเหมือนปลิดทิ้ง

แม้ไม่ได้ลืมตา..แต่มันสว่างอยู่ในตาข้างใน

อดทนตั้งสติ..ไม่ให้ตื่นเต้น..ไม่ลืมตา
เกิดปัญญาทันที..เราได้ใช้กรรม..ที่เป็นแดนเกิดให้พ่อแม่แล้ว
..ความปิติเกิดน้ำตาไหล..ถึงสะอื้น..

ขณะนั้น..มีความคิดเข้ามาว่า

เป็นวาสนา..ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ได้ชดใช้ค่าน้ำนม หากชาติหน้ามีจริงของเกิดเป็นผู้ชาย จะบวชพระเพื่อไม่กลับมาเกิดอีก 

..ยิ่งรู้ว่าแก้ไขได้..ไม่เคยปล่อยโอกาสให้ลอยนวล..ทำทุกวัน..มากบ้าง..น้อยบ้าง..
เก็บแต้ม..ชดใช้เวรกรรม..ไม่สร้างกรรมใหม่ให้ตนเองและผู้อื่น

..สร้างบุญทุกโอกาส..
ให้ทานตนเองและผู้อื่น..ด้วยใจที่ปรารถนาดี
ในที่สุด..ก็ถวายชีวิต..ทำหน้าที่อุบาสิกาในพระพุทธศาสนา..อย่างมีเป้าหมาย

กรรมละเอียดมาก..วิปัสสนา..ก็วิเศษมาก
ใช้ศิลปะในการดำรงค์ชีวิต..ด้วยทาน..ศีล..ภาวนา..แก้เชือกที่ร้อยรัดจิตด้วยสติ 

เรียนรู้..ทุกขัง..อนิจจัง..อนัตตา 
ทุกลมหายใจ..เข้าใจ..ทุกกระบวนการ
แห่งความไม่เที่ยง..ใช้ไตรลักษณ์สอนตน
ในการปฏิบัติธรรม

>>หากท่านมีโอกาสลงมือปฏิบัติเมื่อไหร่..
ท่านจะเข้าใจ..และมีทางออกสิ่งที่อ่านปัตจัตตัง ธรรมทาน <<

..ทุกถ้อยคำตัวอักษร..
..เป็นปัตจังตัง..ที่ข้าพเจ้าประพฤติปฏิบัติมาด้วยตน..

..ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา..แด่คุณพระศรีรัตนตรัย..

..สาธุ..ปัตจัตตัง..ธรรมทาน..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564

วันพุธที่ 9 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

:น้อมถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่าง
พระอาจารย์จรัน อนังคโณ
เนื่องในวันพระสิ้นเดือน7

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

ปัตจัตตัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 6 :-

ปัตจัตตัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 6 :- 

..อคติ..

อยู่ร่วมกับคนอื่น..ด้วยอคติ
ใจคับแน่น..ด้วยความไม่พอใจ
..และพอใจ
..หาความสงบในใจไม่ได้..

เคยสงสัย..ในพฤติกรรมของผู้อื่น 
ที่วิปลาส..บ้าในความถูกต้อง
..รู้..เห็น..ได้ยิน..
ในสิ่งที่ผู้อื่นกระทำ..ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง..เฝ้ามองด้วยใจที่ชิงชังว่า..เขาจะเสวยผลกรรมเช่นไร..มัวแต่ไปคิดแทนเขา..มองเห็นแต่ความผิดผู้อื่น..
..คนอื่นชั่วหมด..กูดี..กูถูกคนเดียว..

..โรงครัว..

แต่ละคน..เพิ่งเริ่มได้รับโอกาสครั้งแรก..หมายมั่น..ปั้นใจ..โกยบุญ..ทาน..อย่างเต็มกำลัง 

..เมื่อหน้าที่เริ่มขึ้น.
สนามรบในครัว..ก็เริ่มต้นเช่นเดียวกัน
โรงครัว..อบอวนไปด้วย..อคติ..ไม่ต้องถามหาความร่มเย็นในใจ

เป้าหมาย..ที่จะทำเพื่อสร้างบุญจางลง
ตั้งกลุ่ม..กั้นกำแพง..มีด..หม้อ..กะละมัง..แบ่งเขต..อัตตาพร้อม

คนไหนมีคนพิเศษ..ก็ระดมปรุงอาหาร
จานพิเศษ..เพื่อคนที่ตนเองพอใจ

..ตัดสินใจพูดคุย..
“พรุ่งนี้หนูทำอาหารทีละจาน..ถวายพระทุกองค์นะคะ”

แม่ครัวใหม่ตอบว่า 
“หนูทำไม่ทันหรอกค่ะ..พระเป็นร้อยๆ”

“งั้นแม่จะทำเอง หรือให้คนอื่นมาทำแทน”

เธอร้องไห้ฟูมฟายว่า “ทำดี..ไม่ได้ดี”

..เตือนสติเธอว่า..
“ไม่ได้พูดว่าดี..หรือไม่ดี”
“แต่ทำแบบนี้ไม่ได้..หากคนอื่นมีคนพิเศษ ลุกขึ้นมาทำแบบนี้บ้างจะทำอย่างไร”

เธอคร่ำครวญว่า จับผิดเธอ
ถามเธอว่า..”คิดเป็นมั้ย ว่าครัวเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว ทำแบบนี้ไม่เป็นกลาง มีปัญหาทะเลาะเธอรับไหวหรือเปล่า?”

..เธอเอาเหตุผล..มาอ้างสารพัด..

..เดินไปที่ตู้เย็น..
ก้มหยิบถุงหมู..กุ้ง ไก่..ถุงเล็ก..ถุงน้อย

..โยนออกจากตู้..ทำหน้าตาขึงขัง 
ถามว่า 
“นี่ของใคร?? ใครซื้อมา??”
“นี่ของใคร นี่ของใคร??”

..ความโกรธ..ทำให้เธอตัวสั่น..ร้องไห้โฮ 
พูดซำ้ๆว่า..”ทำดี..ไม่ได้ดี”

“แบบนี้..ไม่ใช่วิถีของการทำดี..นะลูกรัก”
“ทำแบบนี้เรียกว่า..ลำเอียง”
“ชอบก็ให้ ..ไม่ชอบก็ไม่ให้
“หนูฟังแม่ดีๆนะ..อยู่ร่วมกันหมู่ใหญ่ อย่าทำแบบนี้”

..เสียงเริ่มดังขึ้น..

..ตัดบทบอก..
“ไม่ต้องขึ้นมาทำอะไรในครัวอีก”

นี่หรือการให้..ให้สติเขา..เราต้องไม่โกรธสิ!!!

..เอาความพอใจ..ไม่พอใจ..ออกจากใจอย่างไรเล่า..
..ในเมื่อเราก็มีอคติกับเขาตั้งแต่แรก..

หลายคนยืนฟัง..ไม่ทันรู้เรื่องรู้ราว

วิ่งไปบอกพวกว่า “ทะเลาะกันแล้วๆ”

ความโกรธ..ทำร้ายคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจ..ก่อเวร..ก่อกรรมไปอีก..ชีวิตหนอชีวิต

..ให้อภัย..หรือ..ให้โอกาส..ไม่ได้ผล..
..เพราะคนบางคนแก้ไขไม่ได้..

..ความเชื่อใจ..ใช้ได้กับคนบางคนไม่ใช่ทุกคน..

ให้อภัย..หรือ..ให้โอกาส..ไม่ได้ผล..
..เพราะคนบางคนแก้ไขไม่ได้..ปล่อยไป..

..ความไม่พอใจ..ทำให้ไม่ทนและไม่แท้

..ไม่มีใครได้ตลอด..
..ไม่มีใครเสียตลอด..
..การปฏิบัติธรรม..ไม่ใช่แค่หลับตาแล้วบรรลุธรรม..ต้องตั้งสติ..เพียรฆ่าอารมณ์..ที่เป็นอกุศลตลอดเวลา..

..ทำใจให้เป็นกุศล..โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน..
..เป็นเรื่องที่สอบตกทุกวัน..
..เพราะ..หวังว่าเขาจะทำแบบที่เราพอใจ..
..ขณะที่คิดว่าให้..เราคิดจะเอาหรือเปล่า..

..ทำสมาธิ..หลับตาดูใจ..ที่ดิ้นรน
..อคติ..ไม่มีคำตอบให้ใจ..
..เราเป็นใคร..ไปพิพากษาว่า..ถูก..หรือ..ผิด..
..ความสงสัยของเรา..ตัดสินคนอื่นไม่ได้..
..เขาทำอะไรไว้..เขาย่อมได้รับ..ในสิ่งที่ทำ..
..ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดี..หรือชั่ว..

ฝึก..ความสม่ำเสมอ..ที่จะคิด.พูด ทำเรื่องดี
ฝึก..สร้างโอกาสให้มีในตน..ด้วยการให้อภัยผู้คนรอบข้าง 
พร้อมทั้ง..ให้อภัยตนเอง
ฝึก..จิตให้รู้สึกตัว..ทั่วพร้อม..ยากจริงๆ

เราทำดีมั่ง.ไม่ดีมั่ง
ชีวิตก็ดีมั่ง..ไม่ดีมั่ง..เช่นนี้เอง

>>อคติ..คือ..เส้นทางไม่ควรดำเนิน<<

กิเลสในใจ..เกิดง่ายดับยาก
เปรียบเหมือนยาเสพติด
เลิกนานแค่ไหนก็..คิดถึง

สาธุ..ปัตจัตตัง..ธรรมทาน

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

ปัตจัตจัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 5 :-

ปัตจัตจัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 5 :-

..ฤทธิ์..

..ศีล..ทาน..ภาวนา..
ทำอย่างสม่ำเสมอ..เกิดคุณวิเศษ..แก่ตนนับเป็นจำนวนไม่ได้

..มีฤทธิ์ทางใจ..รู้อดีต..รู้อนาคต..
..ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง..อย่างที่ทุกคนเข้าใจ..รู้เฉพาะเหตุของทุกข์เท่านั้น..

ฤทธิ์มากเท่าไหร่..การต่อสู้กับใจทวีคูณ
คลื่นประชาชนที่อยากรู้..อยากเห็น..อยากแก้กรรม..มีค่าตอบแทนเป็นเงินทอง

..ข้อสอบของฤทธิ์..ก็ไม่ธรรมดา..

ก้าวผ่าน..ความโลภ..ด้วยสติ
หากรับเงินทองเขามา..คงต้องนั่งบอกเรื่อง..ที่เขาอยากรู้..ไม่จบ..ไม่สิ้น

ถามกันทั้งวัน..ไม่มีช่องว่างให้พัก
หลายคนอยากให้บอก..แต่ไม่ยอมรับความจริง

..รู้สึกโกรธ..
..เปลี่ยนไปพูดกับคนอื่น..

..ชี้ไปที่หลังศาลา..
บอก “อยากพูดเรื่องของโยม เป็นธรรมทานโยมอนุญาติมั้ย”
โยมยกมือไหว้ดีใจ บอกว่า “พูดเลยครับ!!
แม่ชีพูดว่า
“โยมมีกรรมกับเพชรนะคะ โยมทำอาชีพอะไร”
โยมตอบว่า.. “ผมขายเพชรครับ”

“ตาข้างซ้าย มองไม่เห็นใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ ผมไม่เคยบอกใครเลยครับ”

..เสียงในศาลาเงียบสงัด..
ความโกรธทำให้แสดงอารมณ์ความโอ้อวด 

พอรู้สึกตัวว่า โอ้อวด..ก็ตั้งสติ
เทศน์ถึงความโลภ..ที่ทำให้ตามองไม่เห็น

ทำอย่างไร..ที่จะไม่ขาดทุน..ในการมีชีวิตอย่างผู้มีฤทธิ์..มีข้อสอบตลอดเวลา
..ข่มอารมณ์..โกรธ..โลภ..หลง..มองทุกคนอย่างกัลยาณมิตร..และคิดซ้ำๆ ว่า 
กำลังเทศน์คำสอนของพระพุทธเจ้า
อย่างให้อารมณ์กิเลสอยู่เหนือสติ

กระทบอารมณ์..เศร้าหมองของคนที่ทุกข์
กระทบอารมณ์..ของคนที่มาจับผิด

..ความอดทน..คือ..มิตรแท้ในยามนี้..
..วางทุกอารมณ์..ที่ทำให้ใจ..เศร้าหมอง..
..ไม่แสดงความโกรธ..หรือ..ความเบื่อหน่ายที่จะบรรยายธรรม..

..ข้อธรรม..ทุกข้อ..
ล้วนสอนใจตน..ให้ระมัดระวังในการพูดพูด..ให้เขาเป็นทุกข์..เรารับกรรมทันที

ใชัปัญญา..ในการถ่ายทอดธรรมทาน
ไม่ให้เกิดกรรมซึ่งกันและกัน

ศาลาธรรม..แสดงให้เห็น..รากเหง้าแห่งกรรม..ส่งผลตามเวลา..ไม่คลาดเคลื่อน 
ทุกข์..โรคภัยไข้เจ็บ
ทุกข์..หนี้สิน
ทุกข์..ไม่สมหวัง
ทุกข์..ไม่มีจะกิน เรื่องลูก..เรื่องผัว..เรื่องเมีย

ความรู้..ที่ได้จากวิปัสสนา..ตอบได้ทุกคำถาม 

..ผู้ที่มีกรรมดี..
..กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา..
..เข้ามาสนทนา..อยากรู้ถึงวิบากกรรม..
ตอบไปว่าอีกไม่นานจะเสวยบุญที่ดูแลบุพการี..ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแน่นอน 

แต่อย่าได้ลดละ..ที่จะตอบแทนคุณบิดามารดา..ต่อไปเมื่อมีทรัพย์แล้ว
อย่าดูถูกคนที่ล้มเหลว 
หรือมองความชั่วของผู้อื่น เพราะกรรมไม่เคยยกเว้นใคร

..ทำทานด้วยใจที่เป็นกุศล..
ส่งผลเป็นคุณวิเศษ..ไม่อยากได้..ก็ได้
เจริญวิปัสสนากรรมฐาน..เพื่อรู้เท่าทัน
โลภ..โกรธ..หลง..ส่งผลให้มีปัญญารู้แจ้ง

ฤทธิ์..ทำให้ชีวิตเปลี่ยน
อยากไปไหน..ก็กำหนดหลับตา
ไปทุกที่..ด้วยฤทธิ์แห่งใจ

..ธรรมเป็นเครื่องอยู่..
มีสัจจะวาจา..ไม่เพ้อเจ้อ..เหลวไหล
วาจาศักดิ์สิทธ์..นี่ก็มีฤทธิ์อีก

มีฤทธิ์ก็ดี..แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เราต้องมีชีวิตร่วมกันแบบมนุษย์ 
ต้องกิน..ต้องนอน..ต้องอาบน้ำ..ชำระร่างกาย 

ฤทธ์ิ..ไม่ได้ทำให้สะอาด..หรือ..อิ่ม
ฤทธิ์เดช..อาจทำให้หลง จนเป็นบ้าได้ง่ายๆ
คิดได้ก็ผ่านไป..แต่ก็ติดอยู่นานเหมือนกัน

ไม่ได้หยุด..หรือ..พักเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน
เพียรนั่งพิจารณากายใจเป็นปรกติ
เหมือนบุญทานมารวมกันเป็นแม่น้ำใหญ่
หลับตาเป็นสมาธิทันที

ความเจ็บปวดเกิดบริเวณไหนของร่างกาย
ใจแยกออกจากกายทันที
ใจ..ออกมาดูความเจ็บปวดเร็วมาก
เร็วจนคิดว่า ความว่องไวของจิต
เป็นเช่นนี้

..ความลังเลสังสัย..
ความยึดมั่น..ถือมั่น..อัตตาตัวตน
อิจฉา..ริษยา..เข้ามาในใจ..ไม่เคยขาดหาย
..สักแต่ว่า..เป็นอารมณ์..ไม่ใช่แก่นสาร..

📍

ปักหมุด>>เราต้องอยู่เหนืออารมณ์เหล่านี้<<

..ประสบการณ์จริง..ที่ยังไม่บรรลุธรรม..

..สาธุปัตจัตตัง..ธรรมทาน..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน  2564

ถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ 
ณ อุทยานธรรมดงยาง
ณ วัดดงก้าวกัลยาราม ตำบลคลีกลิ้ง
อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหาร
แก่พระสงฆ์สามเณรวัดสวนป่ากตัญญุตาราม อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด

: ทำบุญถวายมหาสังฆทานภัตตาหารแก่
พระสงฆ์หมู่ใหญ่ในทิศทั้งสี่ ท่องจำพระปาฏิโมกข์ ณ วัดนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

: รวมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ 400-500รูป/คน

ผัดซีอิ้ว 700กล่องแจกผู้ได้รับผลกระทบโควิด19 อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ

..ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย..จงส่งผล ดลบันดาล ให้ทุกท่านที่ร่วมบุญ เป็นผู้สมความปรารถนา เจริญด้วยพรชัยมงคล เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิพาน
ธนสารสมบัติทุกประการเทอญ..
————————————
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ
อานิสงค์ผลบุญใดที่เกิดจากการประพฤติ
ปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยการสวดท่องจำพระปาฏิโมกข์

ตลอดถึงความเพียรทุกอริยบทที่ท่าน
กำหนดกาย เวทนา จิต ธรรม
จนเกิดคุณวิเศษในคุณของพระศรีรัตนตรัย

ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญของท่านด้วยเถิด

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..