พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี

ย้อนหลังจากนี้ไปหนึ่งแสนกัป
พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี
เสด็จอุบัติขึ้น ในภพชาตินั้นเศรษฐีเป็นหลานของกุฎุมพีชื่อ อวโรชะ 

ส่วนตัวเองก็มีชื่อว่า อวโรชะ ซึ่งมาพ้องกับชื่อของลุง ในสมัยนั้น ตัวของลุงปรารภจะสร้างพระคันธกุฎีถวายแด่พระบรมศาสดา

หลานชายได้ยินข่าวนั้น เกิดมีจิตเลื่อมใส อยากขอบริจาคเงินร่วมบุญกับลุงของตนด้วย

อ่านต่อ

ประวัติเมณฑกเศรษฐี แห่งเมืองภัททิยนคร

ประวัติเมณฑกเศรษฐี แห่งเมืองภัททิยนคร

เมื่อพระบรมศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของท่านผู้มีบุญทั้ง ๖ ท่านคือ เมณฑกเศรษฐี ภรรยาของเศรษฐีชื่อว่า
จันทปทุมา

ลูกชายชื่อธนัญชัยเศรษฐี ลูกสะใภ้ชื่อสุมนาเทวี หลานสาวชื่อนางวิสาขา และทาสคนสนิทชื่อปุณณะ

จึงเสด็จไปยังเมืองภัททิยนคร  พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ทรงประทับอยู่ในเชตวัน เพื่อรอคอยการมาเข้าเฝ้าของท่านเศรษฐี

อ่านต่อ

ความร้อนคือสัญญาลักษณ์ของไฟ เวทนาคือความรู้สึกของกาย เมื่อจิตพิจารณา ความไร้สาระของกายที่เวทนา จิตจึงหลุดพ้นจากกายอันน่าชังด้วยเวทนาแห่งธรรม จากพระโสดาบัน บรรลุธรรมจนถึงพระสกทาคามีและอนาคามีตามลำดับ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

“ ภิกษุทั้งหลาย ในอุบาสิกาเหล่านี้ อุบาสิกาที่เป็นโสดาบันก็มี เป็นสกทาคามีก็มี เป็นอนาคามีก็มี อุบาสิกาทั้งหมดนั้นไม่เป็นผู้ไร้ผลทำกาละดอก ภิกษุทั้งหลาย “

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบเนื้อความนั้นแล้วทรงเปล่งพระอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า

“โลกมีโมหะเป็นเครื่องผูกพัน ย่อมปรากฏ
ดุจรูปอันสมควร คนพาลมีอุปธิกิเลสเป็นเครื่องผูกไว้ ถูกความมืดแวดล้อมแล้ว จึงปรากฏดุจมี
ความเที่ยง ความกังวลย่อมไม่มีแก่ผู้เห็นอยู่

ก็แลครั้นตรัสอย่างนั้นแล้ว ทรงแสดงธรรมว่า

“ ภิกษุทั้งหลายธรรมดาสัตว์ทั้งหลาย เที่ยวไปในวัฏฏะ เป็นผู้ไม่ประมาทตลอดกาลเป็นนิตย์กระทำบุญกรรมก็มี เป็นผู้มีความประมาทกระทำบาปกรรมก็มี เหตุนั้น สัตว์ผู้เที่ยวไปในวัฏฏะ จึงเสวยสุขบ้างทุกข์บ้าง “

ความตายของพระนางสามาวดีควรแก่กรรมในปางก่อน

ต่อมาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันในโรงธรรมว่า “ ความตายเช่นนี้ ของอุบาสิกาผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ ไม่สมควรเลยหนอ ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย

พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า

“ ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ”

เมื่อพวกภิกษุนั้นกราบทูลเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่แล้ว ตรัสว่า

“ ภิกษุทั้งหลาย ความตายนั่นของหญิงทั้งหลาย มีพระนางสามาวดีเป็นประมุข ไม่ควรแล้วในอัตภาพนี้ แต่ว่าความตายอันหญิงเหล่านั้นได้แล้ว สมควรแท้แก่กรรมซึ่งเขาทำไว้ในกาลก่อน “

พระบรมศาสดาอันภิกษุเหล่านั้นทูลอาราธนาว่า

“ กรรมอะไร อันหญิงเหล่านั้นทำไว้ในกาลก่อน พระเจ้าข้า ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย “

ดังนี้แล้ว จึงทรงนำอดีตนิทานมาเล่าว่า

บุรพกรรมของพระนางสามาวดีกับบริวาร

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระองค์ได้ทรงอุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์

ให้ฉันอยู่ในพระราชวังเป็นเนืองนิตย์ โดยมีหญิง ๕๐๐ คน คอยบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น

วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้า ๗ องค์ไปสู่หิมวันตประเทศ ส่วนอีกองค์หนึ่ง นั่งเข้าฌานอยู่ในที่รกเต็มไปด้วยหญ้าแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ

เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายไปแล้ว พระราชาทรงพาหญิงเหล่านั้นไป เพื่อทรงเล่นน้ำในแม่น้ำ ณ สถานที่นั้น

หญิงเหล่านั้นเล่นน้ำอยู่ตลอดช่วงเวลาหนึ่ง ก็ขึ้นมาจากการเล่นน้ำแล้ว

ครั้นเมื่อถูกความหนาวบีบคั้นก็ใคร่จะผิงไฟ จึงกล่าวกันว่า

“ท่านทั้งหลาย พึงหาดูที่ก่อไฟของพวกเรา “

เที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่เห็นที่รกด้วยหญ้า (ชัฏหญ้า) นั้น จึงยืนล้อมก่อไฟแล้ว ด้วยสำคัญว่า “กองหญ้า“

เมื่อหญ้าทั้งหลายไหม้แล้วก็ยุบลง หญิงเหล่านั้นแลเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงกล่าวกันว่า

“ พวกเรา ฉิบหายแล้ว ! พวกเราฉิบหายแล้ว ! พระปัจเจกพุทธเจ้าของพระราชาถูกไฟคลอก พระราชาทรงทราบจักทำพวกเราให้ฉิบหาย เราจักทำท่านให้ไหม้ทั้งหมด “

เพื่อปกปิดความผิดของตนเอง ทุกคนจึงนำฟืนมาจากที่โน้นที่นี้ มาสุมรวมกันทำให้เป็นกองในเบื้องบนแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น แล้วหญิงเหล่านั้นสุมไฟใส่ในฟืนกองนั้นแล้วหลีกไป ด้วยคิดว่า

“ บัดนี้ จักไหม้ละ “

ความจริงนั้น คนทั้งหลายแม้นำฟืน ๑,๐๐๐ เล่มเกวียนมาสุมอยู่ ก็ไม่อาจที่จะทำอันตรายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ทรงอยู่ในสมาบัติ

แม้จะเพียงให้รู้สึกว่าอุ่นได้ เพราะฉะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ในวันที่ ๗ ท่านจึงออกจากสมาบัติ แล้วก็ไปตามสบายแล้ว

หญิงเหล่านั้นไหม้ในนรกลิ้นหลายพันปี เพราะผลแห่งกรรมที่ทำไว้แล้วนั้น เมื่อพ้นจากนรกแล้ว ก็ต้องมาถูกเผาอยู่ในเรือนที่ถูกไฟไหม้อยู่

โดยทำนองนี้แล สิ้น ๑๐๐ อัตภาพ ด้วยวิบากอันเหลือเศษแห่งกรรมนั้นแล นี้เป็นบุรพกรรมของหญิงเหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้.

ทรงแต่งตั้งเป็นเอตทัคคะผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา

ภายหลัง พระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนา พวกอุบาสิกาไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ จึงทรงนำเรื่องที่พระนางแผ่เมตตา ห้ามลูกธนูที่พระราชาทรงกริ้วตนได้  

เป็นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง แล้วสถาปนาพระนางสามาวดี อุบาสิกาไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกา ผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา

ความร้อนคือสัญญาลักษณ์ของไฟ
เวทนาคือความรู้สึกของกาย
เมื่อจิตพิจารณา
ความไร้สาระของกายที่เวทนา
จิตจึงหลุดพ้นจากกายอันน่าชังด้วยเวทนาแห่งธรรม
จากพระโสดาบัน
บรรลุธรรมจนถึงพระสกทาคามีและอนาคามีตามลำดับ

กราบพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

พระนางสามาวดี ตอนที่ 2

นายมาคัณฑิยะเข้าไปหาแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า

“ แม่ทั้งหลาย พระราชารับสั่งให้พันเสาเหล่านี้ด้วยผ้าชุบน้ำมัน

เพื่อประโยชน์แก่การทำให้มั่นคง ธรรมดาในพระราชวัง เรื่องที่กระทำ จะเป็นเรื่องดี หรือเรื่องชั่ว เป็นของรู้ได้ยาก

จงอย่าอยู่ในที่ใกล้เราเลย แม่ทั้งหลาย

ดังนี้แล้ว ให้หญิงเหล่านั้นเหล่านั้นเข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้ว ลั่นดาลภายนอก จุดไฟ ตั้งแต่ต้นลงมาแล้ว.

อ่านต่อ

พระนางสามาวดี

ครั้งนั้นแล สตรี ๕๐๐ นาง บริวารของพระนางสามาวดี แม้จะบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปสำนักของพระศาสดาเพื่อเฝ้าพระพุทธเจ้าตามกาลอันสมควร

ทั้งนี้เพราะพระราชาไม่ทรงมีศรัทธา
เพราะเหตุนั้น เมื่อพระทศพลเสด็จพระราชดำเนินระหว่างถนน เหล่าสตรีทั้งหลายได้โอกาสเพื่อจะชมพระบารมีพระศาสดา

แต่ครั้นเมื่อหน้าต่างทั้งหลายในพระราชวังมีไม่พอ สตรีเหล่านั้นจึงเจาะช่องน้อยในห้องของตนมองดูพระศาสดา

อ่านต่อ

18-23 มกราคม 2563

18-23 มกราคม 2563
คณะปฎิบัติธรรมเชตวันรุ่น2และคณะปฎิบัติธรรมรุ่น2.2
ร่วมกันแจกทานหน้ากุฎิพระพุทธเจ้าวัดเชตวันมหาวิหาร
และแจกทานที่วัดบุปผาราม วัดที่นางวิสาขาสร้างถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แจกอินทผาลัมแห้ง 2,000 ถุงน้ำหนัก 1,000กิโลกรัม
แอ้ปเปิ้ล160กิโลกรัมทับทิม 100กิโลกรัม
กล้วยลิง 120 โล ยาหม่อม2,500ตลับ ขนมเด็กลูกอม1,500ห่อ

ด้วยเดชแห่งทานศีลภาวนาที่ข้าพเจ้าสร้างถวายเพื่อพุทธบูชา
ธรรมบูชา สังฆบูชานี้จงเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุข
เพื่อความเจริญแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดกาลและนานเทอญ
ท่านทั้งหลายจงอนุโมทนากับข้าพเจ้าเถิด

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ

กำเนิดนางขุชชุตตรา

กำเนิดนางขุชชุตตรา
ต่อมาวันหนึ่ง พระศาสดามีภิกษุสงฆ์แวดล้อม ประทับนั่งในเรือน ของหัวหน้าช่างทำดอกไม้ ขณะนั้นนางขุชชุตตรา
หญิงรับใช้พระนาง สามาวดี นำกหาปณะ ๘ กหาปณะไปเรือนนั้น

เพื่อต้องการดอกไม้ หัวหน้าช่างทำดอกไม้ เห็นนางก็กล่าวว่า แม่อุตตรา ไม่มีเวลาทำดอกไม้ ให้เธอดอก

ฉันจักเลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แม้เธอ ก็จงเป็นสหายในการเลี้ยงดูด้วย ด้วยอาการอย่างนี้

ตั้งแต่นี้ไป เธอก็ จักพ้นจากการต้องขวนขวายรับใช้คนเหล่าอื่น แต่นั้น

นางขุชชุตตรา บริโภคอาหารที่ตนได้แล้ว
ก็ทำการขวนขวายในโรงอาหาร เพื่อพระพุทธะทั้งหลาย

อ่านต่อ

Good morning shrawasti

Good morning shrawasti
อิสระภาพของใจที่ไม่ยึดถือครอบครอง
เห็นโลกตามความจริงว่า..ไม่มีอะไรเป็นของ..ของเรา
หยุดปรุงแต่ง..ใจจึง..ปล่อยวาง

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ