อ่านหนังสือวันละหน้า หน้าที่ 27–ขึ้นกองกรรมฐาน–

–ขึ้นกองกรรมฐาน–

อ่านหนังสือวันละหน้า หน้าที่ 27

คำ่คืนหนึ่งหลังจากนั่งกรรมฐานที่..หน้าผาเขาหลังโบสถ์..คืนนี้นั่งกรรมฐานดึกมาก
..ปูเสื่อนอนเรียงกันเป็นแถว..

มีความสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นกองกรรมฐาน
..แม่ชีถามหลวงพ่อปรีชาว่า..
“หลวงพ่อ..ทำไมต้องขึ้นกองกรรมฐานทุกครั้งที่นั่ง ..บางคืนขึ้นตั้งสามครั้ง”
หลวงพ่อว่า..

 

“โห..ชีใหญ่ไม่เคยมีใครถามกูเรื่องนี้เลย..มึงเป็นคนแรกตั้งแต่กูบวชมา”

“ขั้นแรกของคนทำกรรมฐานต้องมีศรัทธา..มีความเชื่อ..เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัย..ขั้นตอนของวิปัสสนากรรมฐานคือ..โยนิโส..การน้อมเข้ามาในกายน้อมเข้ามาในจิต”

“อาราธนาธรรมกรรมฐานเข้ามา..
จะเป็นอุปจาระวิถี..พระอัปปันนาระวิถี..ถึงโลกุตระ ธรรมอันเป็นโลกุตระจะไม่เกิด..และไม่มีทางเกิดขึ้นถ้าเราไม่อาราธนา”

“ที่มีปริศนาธรรมมากมาย..ไหลเข้ามาที่กายมึง..มึงรู้สึกมั้ยว่า..ทุกครั้งที่เกิดขึ้นจะไม่มีอะไรยึดติดผูกพัน..มาแค่มาให้รู้..มาสอนธรรม..ธรรมที่เคยเกิดกับพระอรหันต์..พระธรรมที่เป็นปริศนา”

“อะไรคือความทุกข์..แต่การอาราธนาธรรมระดับโลกุตระ..จะเป็นไป..เพื่อรู้แจ้งแทงตลอด..ไม่มีปริศนาธรรมใด..
มาโดยอุปทาน..กูรู้ว่า..มึงสัมผัสได้กูถึงถาม”

“ลำพังแต่สวดมนต์แล้วหลับตานั่งสมาธิ
โดยไม่ขึ้นกองกรรมฐาน..ก็เป็นกุศลระดับหนึ่งเหมือนมึงกำลังเรียนขับรถ..กว่ามึงจะขับเก่งจน.ขับแข่งขันได้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่”

 

“เรื่องขึ้นกองกรรมฐาน..เป็นการเปิดเข้าไปใน อารมณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบกายและจิต..มึงฟังหรือเปล่าชีใหญ่”

ท่านเห็นแม่ชีนั่งกรรมฐานฟัง ท่านว่า..

“อารมณ์ปิติทั้ง 5 ที่เคยเกิดกับพระอรหันต์จะเข้ามาเกิดในกาย”

—เพราะตั้งสัจจะอธิฐาน—

“ชีใหญ่สิ่งที่มึงได้มากว่าคนอื่น..เพราะวาระบุญของมึงหยดเดียว..คำเดียวมึงก็แตกฉาน..มึงยอมมอบกายถวายชีวิตจริง..มึงเห็นธรรมโดยธรรม..ปัญญาเกิดเดี๋ยวนั้น”

“มีแต่ได้กับได้..หลวงพ่อดีใจที่แม่ชีใหญ่เป็นแก่นสารไม่ปรุงไม่ปรับธรรมที่ได้มาโดยน้อมเข้ามาใส่ในตนจึงมีทั้งกำลังสติและกำลังปัญญา”

“ที่ต้องขึ้นกองกรรมฐานทุกครั้งเพราะ..
ตอนหัวค่ำมันเป็นอดีตไปแล้ว..จำคำหลวงพ่อไว้ดีๆ..ทุกครั้งที่นั่งต้องขึ้นใหม่ทุกครั้ง”

 

“วันนี้ขึ้นสามครั้ง..จำได้ไม่ต้องเปิดหนังสือ..เกิดความชินทำไปเรื่อยๆซ้ำๆ..องค์ของสมาธิจะทำให้เกิดญาน..เกิดความคล่อง เกิดความว่องไวของจิต”

“อกุศลอาจเกิดขึ้นตอนเดินมา..พอมานั่งใหม่..ขึ้นใหม่..วิรัตศีลใหม่..จิตบริสุทธิ์..กายบริสุทธิ์..กำลังของสติก็ชัดแจ้ง”

“การเสี่ยงบารมีก็เสี่ยงในนามของพระที่เชิญมาที่กาย องค์ประชุมครบองค์ประกอบครบ..ขึ้นอยู่กับปัญญาเท่านั้น”

“ธรรมชาติของคนมันทุกข์อยู่แล้ว..มันปรุงแต่งทั้งวัน..หาทางเหนือทุกข์ไม่ได้
ขึ้นกองกรรมฐานแล้ว แทนที่จะจับจิตไว้ที่พุทโธ..ดันปรุงแต่งเรื่องทุกข์ในจิตอีก..ตานี้ก็วนไปวนไป..ปัญญาไม่เกิด..”

—-อาราธนา..นามมาสู่รูป—-

“ไปทบทวนดูว่าจริงมั้ย”

ท่านนั่งกรรมฐานต่อ..คืนนี้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเรื่องแบบแจ่มชัดไม่ต้องแปล..ท่านเทศน์เสียงดังแต่ไม่รู้กี่คนที่ได้ยิน..

เคยคิดเหมือนกันทำไมบวชเป็นชีแล้วยังมีเทพ..พรหม..เทวดา..มาผ่านกาย..เป็นร่างทรง

..รู้สึกไม่แน่ใจ..ว่ามาถูกทางหรือเปล่า..
..วันนี้สว่างกระจ่างใจ..

เคยนึกในใจว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ถามคนอื่นมั่ง..ท่านถามเลย..ที่นึกเสร็จ..

ท่านถามแม่ชีองค์หนึ่งว่า..”มึงเห็นอะไร”
แม่ชีตอบว่า..”ไม่เห็นจ้ะ”
ท่านว่า..”กูขอให้มึงตาบอด”
แม่ชีว่า..”เห็นจ้ะหลวงพ่อ..แต่ไม่รู้ว่าอะไรจ้ะ”

ท่านทำให้เห็นว่า..การน้อมเข้ามาในกายในจิตมันสำคัญมาก

แม่ชีเป็นคนมีสมาธิทุกเวลาไม่ได้โอ้อวดนะคะ..เห็นแม่ชียิ้มหรือหัวเราะ..แม่ชีก็ยังมีความระวังอยู่ตลอดเวลา..ลองทำดูนะคะ

มีแจกในหนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก..แม่ชีพิมพ์แจกเป็นล้านเล่มแล้วค่ะ

ลองเอามาทำดูสมาทานศีลห้าก่อนทุกครั้ง

–ตั้งนะโม 3 จบ–

ไตรสรณคมณ์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิ ปัญจะสิขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิ ปัญจะสิขาปะทานิ สมาธิยามิ
อิมานิ ปัญจะสิขาปะทานิ สมาธิยามิ

—-คำสมาทานขอพระกรรมฐาน—-

ข้าพเจ้าขอกราบไหว้บูชาพระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าขอกราบไหว้บูชาพระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าขอกราบไหว้บูชาพระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า

—บูชาพระ—
อุกาสะ อุกาสะ ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา
รูปนามและชีวิต พร้อมไปด้วยความปฏิบัติ
ทั้งภายในและภายนอก
ขอบูชาแก่ พระโพธิญาณ

พระพุทธัง พระธรรมมัง พระสังฆัง
ขอให้พระแม่ธรณีจงมาเป็นทิพยญาณ
ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดนะพระเจ้าข้า
นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

—-อาราธนาพระ—-
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขออุปจาระวิถี พระอัปปันนาระวิถี พระสมาธิโลกุตระ
พระธรรมเจ้า

ข้าพเจ้าจะขอเข้าในห้องพระขุทกาปิติเจ้า พระขณิกาปิติเจ้า พระโอกันติกาปิติเจ้า พระอุเพ็งคาปิติเจ้า พระผรณาปิติเจ้า

อันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า
พระปัจเจกกะโพธิเจ้า พระอรหันตาเจ้า ที่ล่วงเข้าสู่นิพพานไปแล้วมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทร ทั้ง 4

ตันติประเพณีอันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกะโพธิเจ้า พระอรหันตาเจ้าทั้งหลาย

มีฉันท์ใดๆก็ดี ขอพระธรรมเจ้า จงมาบังเกิดให้กว้างขวาง ในขันธ์ทั้ง 5 แห่งข้าพเจ้าในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

พระพุทธคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง
ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ

พระธรรมคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ

พระสังคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ

—–วิรัติศีล—

อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้า จะขอถือสัตย์รับศีลแก่พระโพธิญาณ

จะขอรับเอาพระสมาธิมาเป็นธงชัย จะระลึกถึงพระพายมาเป็นอารมณ์

กายอย่างหนึ่ง วาจาอย่างหนึ่ง มะโนอย่างหนึ่ง จะไม่ให้เป็นกรรมแก่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย

ด้วยข้าพเจ้าจะไม่นิยมไปด้วยมูตรและคูตสัมผัสถูกต้องรูปเสียงกลิ่นรส

โภชนาอาหารน้ำฉัน และน้ำชาพระให้พิจารณาเป็นของปฏิกูลเปื่อยเน่า ไปทั้งสิ้น

เครื่องไม่จีรังนี้ เป็นของพญามัจจุราช ที่ได้หล่อหลอมรูปมาตั้งแต่เอนกชาติ

รูปนี้แตกดับไป จะขอวางซากอสุภะนี้ไว้เหนือพื้นปฐพี ส่วนนามธรรมของพระนี้

ขอให้แม่พระธรณี จงมาช่วยแบกหาม อุดหนุนค้ำจุน ข้ามส่งองค์พระพาย จะเสด็จเข้าไปในโลกใหญ่ ขอให้เป็นสุขในห้องพระนิพพาน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

—-เสี่ยงพระบารมี—-

อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขอเสี่ยงนะ ขอให้แม่พระธรณี นำเอาบารมี 30 ทัศน์ ของข้าพเจ้า ข้ามส่งให้ถึงหนทางพระนิพพาน ที่ทำการของพระ ในครั้งนี้ นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

ขี้นกองกรรมฐานแล้วใช้อุบายในการนั่งเพื่อให้จิตเป็นกุศล..ด้วยการบริกรรมคาถาอิติปิโส ..หรือบทสวดที่เราถนัด

เพื่อให้จิตว่างจากความโลภโกรธหลง
ค่อยๆฝึกไป..บางคนอาจใช้เวลา..ทำด้วยความเพียรทำเรื่อยๆไม่เสียค่าใช้จ่าย..แค่มีใจเท่านั้น..

..ไม่มีอย่างอื่น..พอหาได้..
..ไม่มีใจ..หมดโอกาสทันที..
..จะหาผู้วิเศษที่ไหนแก้ไขใจเรา..
..เราต้องแก้ไขเอง..
..แค่เอื้อม..สุดแต่ใจ..จะไขว่คว้า..

“บันทึกความทรงจำที่ล้ำค่า”

..แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..