อ่านหนังสือวันละหน้า หน้าที่ 19—โอกาสทองของชีวิต—

—โอกาสทองของชีวิต—

อ่านหนังสือวันละหน้า หน้าที่ 19

ย้ายครัวเข้าศาลาเผาศพ

แม่ครัวและจิตอาสาทำอาหารเริ่มเยอะขึ้นคนปฎิบัติธรรมวันเสาร์..วันอาทิตย์ทยอยเข้าพัก..ตั้งแต่วันศุกร์..ผ้าห่มหมอนเสื่อ..ต้องหาซื้อทุกอาทิตย์..เช้าวันเสาร์จะมีคนตกงาน..คนเร่ร่อนนั่งรอเป็นกลุ่ม

แม่ชีเรียกแม่ครัวมาคุยถึงคนที่ไม่ได้บวช
ให้ทำอาหารเพิ่มจากเดิมอีกวันละสามหม้อใหญ่..ทำอาหารเหมือนกัน..จัดระเบียบให้คนที่รักษาศีลทานก่อน..แล้วค่อยแจกจ่ายคนตกงาน

มีคนที่ไม่ได้บวชแต่มารอรับอาหารวันละ..400-500 คน..ต่อวัน แม่ชีต้องออกไปพูดคุย

ว่าทุกคนจะได้กินเหมือนกันแน่นอน..จะใส่ถุงไปหรือกินที่นี่..ไม่หวงแต่ห้ามเข้าไปในบริเวณโบสถ์หรือลานพระปรางค์..

ทุกคนต้องช่วยกันดูแล..ถ้าวันไหนมีเรื่องทะเลาะกันหรือไม่ทำตามนี้ เลิกทำแจกทันที ทุกคนสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

เมื่อบุกเรื่องงานหนัก .แม่ชีล้มป่วยนอนอยู่ในกุฎิหลายวัน..หลวงพ่อสมเด็จเป็นห่วง..จึงไปเคาะประตูขอเข้าไปเยี่ยม..แม่ครัวที่ดูแลแม่ชียืนขวางหลวงพ่อสมเด็จที่หน้าประตูกุฎิ..บอกเข้าไม่ได้..ซึ่งแม่ชีไม่ได้ยินคำสนทนาเพราะหลับ

หลวงพ่อสมเด็จให้คนมาตามไปพบ..ท่านพูดถึงปัญหาของแม่ครัว..และการก้าวก่ายที่ไม่เหมาะสม..มีความหยิ่งยโสโอหัง..ไม่เหมาะที่จะมาเป็นลูกศิษย์เพราะทำให้แม่ชีเสียหาย

จึงกราบเรียนท่านว่า..ให้แม่ครัวทั้งหมดออกจากวัดวันนี้เลย..ทุกคนที่แม่ชีให้โอกาสมาสร้างบุญร่วมกันเพราะเขาป่วย.

ฉันไม่เคยสอนให้คนเหล่านี้ตั้งตนเป็นใหญ่ แต่พอรับมอบหมายจึงทำให้ทุกคนหลง

หลวงพ่อสมเด็จว่า “แกให้เขากลับได้จริงๆหรือ”
“ได้ค่ะหลวงพ่อ..ทำแบบนี้กับหลวงพ่อได้ ฉันคงไม่ปกป้อง”

ท่านที่อ่านคงได้ข้อคิด..ข้อธรรมหลายมุม แล้วแต่จะพิจารณา..แม่ชีไม่ใช่คนหยาบคาย พูดกูมึงก็แทบจะไม่ให้มันหลุดออกมา

>>การมีชีวิต..สอนให้แม่ชีรู้ว่าเราควรอยู่อย่างไร..ในบางสถานการณ์..เราต้องแสดงบางอย่าง ให้ทุกคนเห็นว่า..เราสามารถ..แก้ไขปัญหาด้วยความเด็ดขาด<<
———————————

เริ่มตั้งโรงทานในงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 5 ธันวาคม 2545 เป็นปีแรก

บอกกับลูกศิษย์ที่พอจะมีกำลังร่วมตั้งโรงทานในนามวัดพิชัยญาติ..

ลูกศิษย์ทำโรงสีถวายข้าวสาร 50 กระสอบ
ทำโรงงานก๋วยเตี๋ยว 2,000 กิโลกรัม
ปากคลองตลาดผักถั่วงอก 2,000 กิโลกรัม
โรงงานลูกชิ้นหมู 1,000 กิโลกรัม
ฟรามเลี้ยงกุ้ง 1,000 กิโลกรัม
ร้านเพชรทองน้ำมันพืช 30 ปี้บ
ขายอะไหร่รถยนต์ชามใส่อาหาร 200,000 ใบ
รองเท้าแตะ เนื้อหมู ขาหมู 4,000 กิโลกรัม

ทำโรงทานที่สนามหลวงทุกครั้งจะมีญาติโยมถวายของร่วมแจกมากและมากกว่าที่เขียน

สอนทุกคนว่า โรงทานนี้มีคนร่วมบุญมา
เราถึงมีโอกาสได้ทำแจก..อย่ามองคนที่มารับ..เพราะเราจะให้ได้โดยไม่คิดเยอะ..

เมื่อไหร่ที่เรามองคนรับ..เราจะจำว่าเขามารับกี่ครั้ง..ทำให้ใจเรามีอคติ..

จะมาเป็นผู้ให้ใจต้องเบิกบาน..อย่าตักแจกคนเดียว..เผื่อแผ่ให้คนในโรงทานมีโอกาสตักแจกบ้าง..แต่ถ้ายืนตักแล้วไม่มีคนมารับอาหาร..เปลี่ยนหน้าที่ไปล้างหม้อล้างกระทะ..บารมียังไม่พอ..ทำหน้าที่อื่นไปก่อน

ถึงเวลาแบ่งหน้าที่..คนนี้อยู่หน้าเตา..คนนี้ลวกเส้น..คนนี้หุงข้าว..เริ่มหั่นผักสับมะระกอ ..เด็ดพริก..บีบน้ำมะนาว..ข้าวสุก..น้ำเดือดแจกได้ตั้งแต่ตี 5 สามวัน สามคืน

ไม่เป็นไปตามที่ประชุมกัน..ทุกคนถือตะหลิวทัพพีไม่ปล่อย..ไม่เป็นไร คราวหน้าค่อยแก้ไข

เคยพากันมาเที่ยวงาน 5 ธันวาคม ที่สนามหลวง..มีเต็นซ์แจกอาหารใส่ชามตราไก่ใบน้อยๆ..อาหารในชามเป็นข้าวต้มใส่เกลือมีฟักทองหั่นชิ้นเล็ก..ลอยในชาม

คิดในใจว่า วันหนึ่งวันใดในชีวิตนี้ ถ้ามีโอกาส จะขอมาแจกทานเป็นพระราชกุศลให้ในหลวงรัชกาล 9

..ไม่นานเท่าไหร่ก็มีโอกาสจริงๆ..ได้ทำติดต่อกันหลายปี..

งานวันพ่อ 5 ธันวาคมทุกปีมีโครงการ
อุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน

งานวันแม่ 12 สิงหาทุกปีมีโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระราชินีทุกปี..ตั้งโรงทานที่สนามหลวงเช่นเดียวกัน

>>แรงบันดาลใจ..อยากให้ประชาชนที่มาเที่ยวงานสนามหลวง..ได้กินอาหารอร่อยในงานวันพ่อ..วันแม่..อย่างเต็มที่..ให้ทุกอย่างจะใส่ถุงหรือใส่ชาม..
ตลอดจนนักเรียนนักศึกษา..
เจ้าหน้าที่รอบสนามหลวง..

แม่ครัวสนามหลวงประมาณ 200 คน ผลัดเปลี่ยนกันแจก..ไม่มีใครได้เข้าห้องน้ำ..
ทอดมันร้อนๆ 2,000 กิโลกรัม
ไข่เจียวร้อนๆ..20,000 ฟอง
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น แกงส้ม แกงคัว ผักกระเพรากุ้งสด ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง..ส้มตำอย่างเดียวมะละกอ 2,000 กิโลกรัม

กล้วยทอด ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ขนมจีน หอยทอด เครป ไอครีม ลอดช่องสิงคโปร เฉาก๊วย..มากมายบรรยายไม่หมด

เมื่อในหลวงป่วยเข้าโรงพยาบาลศิริราช..แม่ชีได้ลงนามถวายพระพรได้เห็นประชาชนจำนวนมาก..มานอนเฝ้าในหลวงด้วยความเป็นห่วง..

แม่ชีจึงติดต่อสอบถาม..เจ้าหน้าที่สำนักราชวังว่า จะนำอาหารมาแจกประชาชน..โดยเสด็จพระราชกุศล..
เป็นอาหารพระราชทาน..สำนักราชวัง
อนุญาตให้นำอาหารมาแจกจ่ายแก่ประชาชนได้

แม่ชีกลับวัดพิชัยญาติบอกลูกว่า..แม่จะทำอาหารไปถวายในหลวง..เพื่อแจกประชาชน

ตั้งเตา 20 เตาทำกับข้าว..หุงข้าว 20 เตา..ทยอยนำอาหารไปแจกวันละ 100 หม้อเบอร์ 60

—-อาหารพระราชทาน 14 วัน—-

ในหลวงพระราชทานพระลิขิตลงในกระดาษสีขาวเขียนด้วยดินสอคำว่า

————ขอบใจ————

สร้างกำลังใจให้มีขึ้นในลูกหลาน..ลูกศิษย์..อย่างหามิได้

———————————

—หลวงพ่ออนุญาตตั้งตู้หนังสือจำหน่ายภายในวัด—

แต่ละปีได้มีโอกาสเลี้ยงพระงานประสาทปริญญาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2546 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน..

ได้มีโอกาสเลี้ยงพระในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนามีพระสงฆ์ตั้งแต่..500-2,000-10,000 รูปตลอดมา

ถวายน้ำดื่มตามสถานปฎิบัติธรรมที่ขอความอนุเคราะห์เป็นเวลามากกว่า 10 ปี

เป็นสะพานบุญสร้างวัดพิชัยญาติ..วัดเขาอิติสุคโต..สร้างศาลา..สร้างกุฎิ..สร้างห้องน้ำ
สร้างสถานปฎิบัติธรรม..ธรรมโมลี..สร้างโบสถ์..

รายได้จากหนังสือเป็นค่าอาหารผู้ปฎิบัติธรรมวัดพิชัยญาติวันเสาร์วันอาทิตย์ ตลอดจนค่าอาหารในโครงการต่างๆของวัด..

รายได้จากหนังสือ..ถวายอุปถัมภ์ข้าวสารอาหารแห้งวัดเขาอิติสุโต ตลอด 10 ปี
ค่าแรงคนงานก่อสร้าง..ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างศาลาอาคารหน้าโบสถ์วัดเขาอิติสุคโต

รายได้จากหนังสือ..ถวายค่าน้ำค่าไฟ..ค่าอาหารโครงการวิปัสสนากรรมฐาน 7 เดือน
ตลอดจนอุปถัมภ์ปัจจัยสี่แก่พระสงฆ์จากทิศทั้งสี่ที่เข้าร่วมเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ณ สถานปฎิบัติธรรม ธรรมโมลี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547-2556..โดยไม่เบิกเงินจากศูนย์ แม้ครั้งเดียว

วัตถุมงคลงานเทศน์มหาชาติในแต่ละปี
ของวัดพิชัยญาติการามวรวิหาร

พระสมเด็จวัดระฆัง 5,000องค์
สร้างช้างอุณาโลม 1,000 เชือก
สร้างงาช้างสายข้อมือ 120,000 เชือก
สร้างวัตถุมงคลแหวนหนึ่งในร้อย 100 วง
สร้างพวงกุญแจสตางค์รู 100,000 พวง
สร้างกุญแจเพชรรุ่นหนึ่ง 100 ดอก
สร้างกุญแจเพชรรุ่นสอง100 ดอก
สร้างสมอทองตัวใหญ่ 100 ตัวเล็ก 500 ตัว
สร้างกำไลข้อมือเงิน 5,000 วง
สร้างแหวนทศพร 30,000 วง
สมเด็จเพชรพิจิตร 10,000 องค์
ตระกรุดสมเด็จรุ่นแรก 100,000 ดอก
สร้างลูกแก้ว 500,000 ลูก

ค่าใช้จ่ายในการจัดงานของวัด
ค่าใช้จ่ายจิปาถะในการดูแลผู้ปฎิบัติเช่น น้ำดื่มน้ำปานะ..ให้ค่าตอบแทนจิตอาสา ที่ทำงานให้วัดตลอดมา..เป็นค่าถ่ายทำบันทึกวีดีโอในงานต่างๆของวัด

สร้างตระกรุดรุ่นสอง 100,000 ดอก
สร้างศาลาวัดใหญ่คลายคีรี..ปลูกต้นไม้..สร้างห้องน้ำ

ด้วยความที่ไม่มีความรู้และไม่เข้าใจใน
การเป็นอยู่ร่วมกัน..คิดว่าเมื่อทำไปแล้ว
สร้างไปแล้ว..ด้วยการหารายได้แบบนี้
จะทำให้ไม่เกิดปัญหา

แรงศรัทธาที่ตั้งมั่นของแม่ชี
คิดว่าทำดีที่สุด..ไม่เคย..ชี้แจงหรือมีโอกาสเข้าประชุมในเรื่องที่ทำ..จึงเป็นช่องว่างให้มีมิจฉาชีพ..สวมรอยเบิกเงินวัดซ้ำซ้อนแอบอ้างชื่อเบิกเงินวัดด้วยวิธีต่างๆ

เกิดความไม่ชอบมาพากล..ตั้งแต่นำพระบรมสารีริกธาตุเสด็จประดิษฐาน
ณ.วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร
ทางวัดคิดว่าแม่ชีเป็นคนเก็บรายได้ทั้งหมด ซึ่งแม่ชีเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเก็บรายได้ เพราะของอยู่ในวัดคนอื่นเข้ามาเก็บรายได้ ของวัดได้อย่างไร

จะเป็นสังคมแบบไหน ก็ต้องคุยกันทุกเรื่อง เมื่อเราอยู่ร่วมกัน..เมื่อไม่คุยกันก็เป็นความกินแหนงแคลงใจ เกิดความไม่เชื่อใจซึ่งกันและกัน..

บททดสอบเรื่องเงินวัดเป็นเรื่องที่ต้อง..
ปล่อยวางเพราะที่จำได้..มีหนี้ที่เกิดจาก
คนทำบุญแล้วมาขอทวงเงินคืน..เท่านั้น
หลวงพ่อสมเด็จท่านรู้ข่าวท่านใช้คืนให้

>>ความเชื่อใจ..เมื่อได้รับจากใครมา
จงรักษาความเชื่อใจที่ได้มา..
เท่ารักษาดวงตาของคุณ..วันใดที่..
ความเชื่อใจหมดไป..คุณจะหมดโอกาสทันที<<

..แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..
ขอขอบคุณเครดิตภาพ คุณอภิมงคล วัฒนธีรธรรม