วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๒๐ ปรินิพพาน – เหตุอัศจรรย์ก่อนปรินิพพาน ๑

วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๒๐ ปรินิพพาน – เหตุอัศจรรย์ก่อนปรินิพพาน ๑

๑.นำ้ใสในพริบตา

เมื่อออกจากบ้านนายจุนทะ ทรงหยุดพักเหนื่อยระหว่างทาง ทรงกระหายน้ำ แต่พระอานนท์ทูลว่า นำ้ขุ่นเพราะกองเกวียนเพิ่งผ่านแม่นำ้ไป พระองค์ตรัสบอกเป็นครั้งที่ ๓ พระอานนท์จึงไปตักน้ำ เกิดเหตุอัศจรรย์คือนำ้กลับใสบริสุทธิ์เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

๒.พระฉวีวรรณผ่องใสใน ๒ คราว

ขณะที่พระองค์พักใต้ร่มไม้ข้างทาง มีลูกศิษย์ของอาฬารดาบสชื่อว่า ปุกกุสะมัลละบุตร เดินทางผ่านมา พบและสนทนากับพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงถวายผ้าสิงคิวรรณ(ผ้าเนื้อละเอียดมีสีดังทองสิงคี) เมื่อพระพุทธองค์ทรงครองผ้าสิงคิวรรณ พระฉวีวรรณของพระองค์บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก แม้ผ้าสิงคิวรรณก็มีสีดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลว เมื่อพระอานนท์ชื่นชม พระพุทธองค์ตรัสว่า “อานนท์ ในกาลทั้งสองกายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก ในกาลทั้ง ๒ คือ

๑.ในราตรีที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

๒.ในราตรีที่ตถาคตจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

๓.ต้นไม้ยังผลิดอก นอกฤดูกาล

สมัยนั้น ไม้สาละทั้งคู่ ออกดอกสะพรั่งนอกฤดูกาล ดอกไม้เหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา

แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต

๔.การนอน ๒ แบบ
แบบที่ ๑ ระหว่างที่พระองค์แวะพัก รับสั่งให้พระอานนท์ปูผ้าสังฆาฏิ พระองค์ทรงนอนพัก โดยนอนตะแคงขวา พระบาทซ้อนเหลื่อมกัน การนอนแบบนี้ ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว เรียกว่า “สำเร็จสีหไสยาสน์”

แบบที่ ๒ เมื่อถึงสาลวโนทยาน ทรงประทับบนแท่นพระบรรทม หันศรีษะไปทางทิศเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างต้นสาละ ๒ ต้น การนอนแบบนี้เป็นการครั้งสุดท้าย เป็นการนอนโดยไม่คิดจะลุกขึ้นอีก เรียกว่า “อนุฏฐานไสยาสน์”

๕. สถานที่ ๔ แห่งยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน คือ
๑. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้

๒. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้

๓. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตทรงยังอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้

๔. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในที่นี้สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้แล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา

พระองค์ตรัสว่า “ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”

แม่ชี ทศพร วชิระบำเพ็ญ