วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๑๘ ปรินิพพาน – “สุกรมัททวะ” น่าจะคือสิ่งนี้…!!!

วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๑๘ ปรินิพพาน – “สุกรมัททวะ” น่าจะคือสิ่งนี้…!!!

เราลองมาวิเคราะห์ข้อความในมหาปรินิพพานสูตรก่อนว่า

๑. นายจุนทะเตรียมขาทนียะ โภชนียะ (ของเคี้ยว ของฉัน) และสุกรมัททวะ เพียงพอต่อพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์

๒. นายจุนทะเตรียมอาหารนั้นทั้งคืน

๓. พระพุทธองค์ตรัสสั่งให้นายจุนทะถวายของเคี้ยวของฉันแก่พระสงฆ์ แต่ถวายสุกรมัททวะแด่พระพุทธองค์ ไม่ให้ถวายแด่พระสงฆ์โดยตรัสว่า

“ไฟธาตุของพระองค์เท่านั้นที่ย่อยสุกรมัททวะนี้ได้ แล้วให้นำเอาที่เหลือจากที่เสวยไปฝังดินเสีย”

จากข้อความข้างต้นเมื่อนำมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทั้ง ๗ ข้อสรุปแล้วน่าจะเป็นไปได้ ๓ ข้อคือ

๑. เนื้อของสุกรที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่ง เจริญเต็มที่ ซึ่งไม่หนุ่มเกินไป ไม่แก่เกินไป ทรรศนะนี้บอกว่าเป็นเนื้อหมู นุ่มสนิทดี ปรุงอาหารอร่อย นายจุนนทะนำเนื้อชนิดนี้มาปรุงอาหารถวายพระพุทธเจ้า

ถ้าเป็นเนื้อสุกรอ่อน ไม่น่าจะต้องเสียเวลาเตรียมนานปานนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องย่อยยาก ใครกินก็ย่อมจะย่อยได้ และไม่น่าจะสงวนไว้ให้พระพุทธเจ้าเท่านั้นเสวย พระรูปอื่นก็ควรได้รับถวายด้วย เพราะฉะนั้นสุกรมัททวะไม่น่าจะเป็นเนื้อสุกรอ่อน

๒. เป็นชื่อของข้าวสุกอ่อน หมายถึง ชื่อแห่งวิธีการปรุงข้าวอ่อนด้วยเบญจโครส เหมือนชื่ออาหารที่ปรุงด้วยเน้ือหมู ซึ่งตรงข้ามมติแรก คือแทนที่จะเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ กลับเป็นอาหารประเภทพืชไป คือข้าวหุงด้วยนมโค

ถ้าเป็นข้าวหุงด้วยนมโคอย่างดี ก็ยิ่งไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการย่อย ไม่น่าจะเสียเวลาปรุงนาน และพระรูปอื่นก็ควรจะได้ฉันด้วย สุกรมัททวะจึงไม่น่าจะเป็นข้าวหุงด้วยนมโค

๓. น่าจะเป็นอาหารบำรุงประเภทโสม เป็นโอสถพิเศษที่ปรุงด้วยตำรับ“รสายนศาสตร์”(ทางฝ่ายมหายานระบุว่าเป็นเห็ดแก่นจันทน์) ซึ่งมีพวกสมุนไพรผสมอยู่ด้วย ซึ่งเรียกว่า สุกรมัทวะ

ถ้าเป็นสมุนไพร หรือยาอย่างใดอย่างหนึ่ง มีเหตุผลที่น่าเป็นไปได้ เพราะนายจุนทะรู้ว่าพระพุทธองค์ทรงประชวร จึงเตรียมยาไว้ให้เฉพาะ ยานั้นคงต้องใช้เวลาปรุงนานกว่าจะสกัดตัวยาออกมาได้ปริมาณตามที่ต้องการ ซึ่งนายจุนทะตั้งใจปรุงเป็นพิเศษ ด้วยหวังว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจะไม่พึงปรินิพพาน

อนึ่งในสุกรมัทวะนั้น เหล่าเทวดาในมหาทวีปทั้ง ๔ ซึ่งมีทวีปเล็กจำนวน ๒,๐๐๐ ทวีป เป็นบริวาร ต่างพากันใส่โอชารสเข้าไป และยานั้นก็ถวายเฉพาะพระพุทธเจ้าผู้ทรงประชวร

คนอื่นไม่ป่วยก็ไม่จำเป็นต้องกิน และที่ตรัสว่าไฟธาตุของพระองค์เท่านั้นที่ย่อยได้นั้นก็จริง เพราะการจะกินยาสมุนไพรโบราณ เขาต้องคูณธาตุ อ่อนแก่ไม่เท่ากัน พระองค์คงทรงหมายความว่า ปริมาณที่พระองค์เสวยนั้นถ้าเป็นคนอื่นคงไม่สามารถย่อยได้ ที่รับสั่งให้เอาที่เหลือไปฝัง ก็เพราะคนอื่นไม่ป่วยก็ไม่จำเป็นต้องกินอยู่แล้ว

พิเคราะห์ตามความหมายแวดล้อมนี้ สุกรมัททวะน่าจะเป็นประเภทที่ ๓ ส่วนจะเป็นสมุนไพรชนิดไหน จะเป็นเห็ด หรืออะไรก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง

แม่ชี ทศพร วชิระบำเพ็ญ