วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๑๕ ปรินิพพาน – นางคณิกาที่ศรัทธามีหลายคน

วันวิสาขบูชา ตอนที่ ๑๕ ปรินิพพาน – นางคณิกาที่ศรัทธามีหลายคน
พระเจ้าพิมพิสารได้แนวคิดไปจากแคว้นวัชชี จึงได้แต่งตั้งนางนครโสเภณีขึ้นที่เมืองราชคฤห์ โดยสถาปนานางสาลวดีเป็นผู้รับตำแหน่งคนแรก นางสาลวดีได้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวเพราะความเผลอ นางเลี้ยงบุตรสาวเพื่อสืบทอดตำแหน่ง แต่ไม่ปรารถนาบุตรชาย จึงให้คนนำไปทิ้งไว้ใกล้ๆ ประตูวัง เจ้าชายอภัย พระราชโอรสพระเจ้าพิมพิสารเสด็จมาพบเข้า นำเด็กน้อยไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม

เด็กน้อยคนนี้เป็นผู้มีบุญญาธิการอันได้สั่งสมมาแล้วแต่ปางก่อน เมื่อเจริญวัยมาได้ไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กลับมาได้เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก และเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท่านนี้คือหมอชีวกโกมารภัจจ์ น้องสาวของท่านชื่อ สิริมา ต่อมาได้ตำแหน่งนครโสเภณีแทนแม่
หมอชีวกโกมารภัจจ์ แท้ที่จริงคือโอรสพระเจ้าพิมพิสาร กับนางสาลวดี เพราะเหตุนี้จึงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าพิมพิสารมาก

หลังจากคลอดลูกชายแล้ว นางสาลวดีก็รับแขกเป็นปกติอีก ก็เกิดตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้เต็มใจอีกเป็นครั้งที่ ๒ ซึ่งนางเองก็ไม่ได้คิดจะให้ท้อง เพราะถ้าท้องก็ต้องหยุดรับแขกไปจนกว่าจะคลอด แต่คราวนี้นางคลอดลูกออกมาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงามมาก ได้ดั่งใจนางสาลวดีจริงๆ

นางก็ประคบประหงมเด็กหญิงคนนี้เป็นอย่างดี หญิงผู้นี้ก็คือน้องสาวของท่านชีวกโกมารภัจจ์นั่นเอง นางสารวดีมีลูกแค่เพียงสองคนเท่านั้น เด็กหญิงผู้นี้ถูกขนานนามว่า สิริมา เป็นหญิงสาวที่สวยงามมาก ผิวผ่องดั่งทองคำ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผมดำขลับ ปากได้รูปงามราวกับกระจับ สวยอย่างไม่มีที่ติเลย

นางสาลวดีก็ฝึกสอนนางสิริมาผู้เป็นลูกสาว ซึ่งสวยกว่าแม่เยอะ แล้วก็ให้นางสิริมาเริ่มรับแขกตั้งแต่อายุยังน้อย โดยตั้งค่าตัวถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ นับเป็นสิบเท่าของค่าตัวแม่เลย นางสิริมาเป็นหญิงงามเมืองที่มีค่าตัวแพงที่สุด คนที่จะมาร่วมอภิรมย์กับนางได้ต้องใช้เงินมหาศาล ก็คงจะต้องไม่ใช่คนจนๆ คงจะต้องเป็นระดับอภิมหาเศรษฐี เชื้อพระวงศ์ ล้วนต้องเป็นคนรวยๆทั้งสิ้น

ครั้งหนึ่งนางสิริมาเคยรับค่าตัวถึง ๑๕, ๐๐๐ กหาปณะเพื่อที่จะไปอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งเป็นเวลา ๑๕ วัน ผู้ที่จ้างคือนางอุตราเทวี

นางอุตตราเทวีเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้ามาก นางฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า นางจะอธิษฐานองค์อุโบสถในฤดูกาลเข้าพรรษา ทุกครั้งที่นางถือศีลนางก็จะเตรียมข้าวปลาอาหารไปเลี้ยงพระเสมอๆ สามีของนางนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เรียกว่าเป็นคนนอกรีต เป็นบุตรของท่านสุมนะเศรษฐี ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ร่ำรวยมาก

ครั้นถึงฤดูกาลเข้าพรรษา นางอุตตราก็ขออนุญาตสามีเพื่อที่จะรักษาองค์อุโบสถศีล แต่สามีของนางไม่อนุญาต นางอุตตราจึงส่งข่าวไปยังบิดามารดาว่า สามีของนางไม่อนุญาตให้อธิษฐานองค์อุโบสถ ขอให้ส่งทรัพย์ ๑๕, ๐๐๐ กหาปณะมาให้นางด้วย

เมื่อนางอุตตราได้รับทรัพย์มา นางจึงนำไปจ้างนางสิริมาหญิงงามเมืองให้มาทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติสามีแทนนาง เป็นเวลา ๑๕ วัน ซึ่งนางสิริมาก็ยินยอม และสามีของนางอุตตราก็พอใจยอมให้นางอุตตราอธิษฐานองค์อุโบสถ

นางอุตตราจึงรักษาองค์อุโบสถ นางพร้อมด้วยบริวารตระเตรียมอาหารอย่างดีถวายพระทุกวัน จนเมื่อถึงวันสุดท้ายขณะที่นางและบริวารกำลังตระเตรียมอาหาร เคี่ยวเนยใสอยู่นั้น

สามีของนางอุตตราพร้อมด้วยนางสิริมาได้ออกมายืนดูนางอุตตราและบริวารเคี่ยวเนยใสอยู่ สามีของนางอุตตรายิ้มเยาะนางอุตตราด้วยคิดว่านางอุตตราชอบทำงานที่สกปรก ในขณะที่นางอุตตราเองก็นึกสมเพชสามีที่มีแต่ความประมาท นางจึงยิ้มด้วยความสมเพช

นางสิริมาเห็นสามีภรรยาต่างก็ยิ้มแย้ม เข้าใจผิดคิดว่ายิ้มแย้มให้แก่กัน นางสิริมาเกิดความโกรธด้วยความหึงหวง โดยที่ลืมคิดว่านางเองเป็นเพียงหญิงงามเมืองที่เขาว่าจ้างมาทำหน้าที่บำรุงบำเรอสามีของนางอุตตราเพียงชั่วคราวเท่านั้น

นางสิริมาจึงแล่นลงเรือนไปเพื่อที่จะไปทำร้ายนางอุตตรา แต่นางอุตตราเป็นผู้หญิงที่รักษาศีล นางเห็นนางสิริมาจะเข้ามาทำร้ายนาง นางก็เข้าฌานและแผ่เมตตาให้นางสิริมา ด้วยคิดว่านางสิริมาเป็นผู้มีคุณแก่นาง ที่มาทำหน้าที่ภรรยาแทนนาง นางจึงมีโอกาสได้อธิษฐานองค์อุโบสถ ขณะที่นางอุตตรากำลังเข้าฌานแผ่เมตตาให้นางสิริมาอยู่นั้น

นางสิริมาตรงเข้าเอากระบวยตักน้ำมันที่เดือดอยู่นั้นเทราดลงไปบนหัวของนางอุตตรา ด้วยศีลบารมีของนางทำให้น้ำมันที่ร้อนนั้นไม่สามารถทำอันตรายนางอุตตราได้

พวกข้าทาสของนางอุตตราเห็นดังนั้นก็รุมกันทุบตีนางสิริมา แต่นางอุตราก็ห้ามไว้และบอกว่าอย่าทำร้ายนาง จากนั้นนางอุตตราก็พานางสิริมาไปเข้าเฝ้าฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงชื่นชมนางอุตตรา พร้อมกับตรัสสรรเสริญนางอุตตราว่าสมแล้วที่เป็นศิษย์แห่งตถาคต

พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
พึงชนะคนพูดเท็จด้วยคำจริง

เมื่อนางสิริมาได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ดังนั้น นางก็บรรลุโสดาบัน จากนั้นนางก็ได้ปาวราณาตน ขอนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ๘ รูปเข้าไปรับบาตรที่บ้านของนางทุกวัน นางสิริมาเป็นผู้ที่มีทรัพย์มากมีบ้านหลังใหญ่โต มีข้าทาสบริวารมาก

นางสิริมาสั่งเหล่าบริวารของนางว่า นี่พวกหล่อนให้เตรียมนมเนยอย่างดี นมสด ข้าวยาคู อาหารขบเคี้ยวอย่างดีอย่างประณีตทุกอย่าง ถวายพระคุณเจ้าให้เต็มบาตรทั้ง ๘ รูป

อาหารที่นางสิริมาถวายพระสงฆ์แต่ละรูปนั้นสามารถนำมาให้พระสามถึงสี่รูปฉันได้อิ่ม นางจะทำบุญใส่บาตรจนเต็มบาตรทุกครั้ง ถวายปัจจัย ถวายเครื่องไทยธรรม ล้วนแต่อย่างดีอย่างประณีตทั้งสิ้น

ชื่อเสียงของการทำบุญและความงามของนางสิริมาเป็นที่เลื่องลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งวัดเชตะวัน พระภิกษุที่อยู่ไกลๆไปอีก ๓ โยชน์ยังได้ยินชื่อเสียงความงามของนาง

แม่ชี ทศพร วชิระบำเพ็ญ