พระสารีบุตร..นักโต้วาที

พระสารีบุตร..นักโต้วาที

   พระศาสดาเมื่อประทับอยู่  ณ  พระเชตวันมหาวิหาร  ทรงปรารภ การบรรพชาของปริพาชิกา  ๔  คน  จึงตรัสพระธรรมเทศนา ดังนี้.

นิครนถ์ คือนักบวชเปลือย ๒ คน เป็นหญิง ๑ ชาย ๑ มีวาทะเฉียบแหลมคมกล้า เดินทางมาถึงเมืองเวสาลี

ซึ่งพวกกษัตริย์ลิจฉวีปกครองโดยสามัคคีธรรม เมื่อได้ขอร้องให้นิครนถ์ทั้งสองโต้วาทะกันแล้ว

กษัตริย์ลิจฉวีเห็นอัศจรรย์ ในปัญญาของคนทั้งสองนั้นจึงคิดว่า ถ้าคนทั้งสองแต่งงานกัน มีลูก ลูกที่เกิดจากคนทั้งสองคงฉลาดมาก จึงจัดให้คนทั้งสองแต่งงานกัน

การแต่งงานระหว่างนิครนก์ทั้งสอง มีผลให้เกิดลูกหญิง ๔ คนลูกชาย ๑ คน มีชื่อตามลำดับดังนี้ นางสัจจา นางโสภา นางอธิวาทกา นางปฏิจฉรา ส่วนลูกชายชื่อสัจจกะ

ทั้งบุตรและธิดาได้เล่าเรียนความรู้จากพ่อแม่ของเธอเอง เป็นผู้ฉลาดในวาทะ จนเป็นที่เกรงขามของคนทั่วไปมารดา บิดาได้สั่งลูกสาวทั้ง ๔ ไว้ว่า

ถ้าใครโต้วาทะกับลูกแล้ว ลูกแพ้เขา ถ้าเขาเป็นบรรพชิตจงบวชยอมตนเป็นศิษย์ของท่านผู้นั้น ถ้าเขาเป็นคฤหัสถ์จงยอมเป็นภรรยาของท่านผู้นั้น

สัจจกะนิครนถ์ผู้น้องชาย ได้สั่งสอนศิลปศาสตร์แก่กษัตริย์ลิจฉวีอยู่ในนครไพสาลีนั่นเอง ปรากฏเป็นผู้มีความรู้มากแตกฉานเป็นที่คร้ามเกรงของคนทั่วไป

ส่วนพี่สาวทั้ง ๔ คนของสัจจกะ มีกิ่งหว้าเป็นเครื่องหมาย เที่ยวไปในคามนิคมชนบทราชธานีต่างๆ ปักกิ่งหว้าไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งแล้วประกาศว่า ใครต้องการโต้วาทะ โต้คารมกับตนก็ขอให้เหยียบกิ่งหว้า

คนทั้งหลายรู้ว่านางทั้ง ๔ ไปที่ใดก็พากันหนีเสีย ไม่กล้าสู้หน้า จนกระทั่งพวกเธอมาถึงเมืองสาวัตถีปักกิ่งหว้าไว้ใกล้ประตูพระนคร แล้วเข้าไปในเมือง

เช้าวันนั้น พระสารีบุตรเถระ กวาดสถานที่ยังมิได้กวาดเสร็จแล้วตักน้ำดื่มใส่หม้อให้เต็มแล้ว พยาบาลภิกษุไข้เสร็จแล้ว จึงเข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี

พระสารีบุตรเถระเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่แล้ว มีตำแหน่งถึงธรรมเสนาบดี อัครสาวกฝ่ายขวา ยังปัดกวาดเสนาสนะเอง ตักน้ำใช้น้ำฉันเอง และพยาบาลภิกษุไข้ด้วยตนเอง

พระสารีบุตรเห็นเด็กยืนล้อมกิ่งหว้าอยู่หน้าประตูเมืองจึงถามทราบความแล้ว จึงสั่งให้เด็กพวกนั้นเหยียบกิ่งหว้าเสีย และสั่งเด็กไว้ว่า ถ้าเจ้าของกิ่งหว้ากลับมาให้ไปพบท่านที่ซุ้มประตูวัดเชตวันวิหาร แล้วเข้าไปบิณฑบาตในเมือง

เมื่อปริพพาชิกาทั้ง ๔ คน เที่ยวภิกขาจารกลับมาเห็นกิ่งหว้าถูกเหยียบย่ำทำลายเช่นนั้น จึงถามพวกเด็กว่า ใครให้ทำลาย ทราบความทั้งหมดจากเด็กแล้ว จึงกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้งหนึ่ง

เที่ยวประกาศให้คนทั้งหลายทราบว่าพวกตนจะโต้วาทะกับพระสารีบุตรที่ซุ้มประตูวัดเชตวัน ขอให้ประชาชนไปฟังเป็นพยาน

ประชาชนพากันไปมากการโต้วาทะได้เริ่มขึ้น พวกนางถามสิ่งใด แม้ปัญหาเป็นพันๆข้อ พระสารีบุตรก็ตอบได้หมด เพราะท่านเคยเรียนลัทธิปริพพาชกมาก่อน

ปัญหาของท่านมีเท่านี้หรือ ?” พระสารีบุตรถาม
“มีเท่านี้” พวกนางตอบ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถามเธอบ้าง”
“ถามเถิดท่าน”
“อะไรชื่อว่าหนึ่ง ?”
ปริพพาชิกาทั้ง ๔ คน ตอบไม่ได้

พระสารีบุตรวิสัชนา ปัญหานั้น ให้พวกนางฟังจนเข้าใจแจ่มแจ้ง นางทั้ง ๕ ยอมรับว่า นางยอมแพ้ พระสารีบุตรถามว่า จะทำอย่างต่อไป นางตอบว่า

มารดาบิดาสั่งไว้ว่า ถ้าใครชนะในการโต้วาทะ หากเขาเป็นคฤหัสถ์ให้ยอมเป็นภรรยาของเขา ถ้าเป็นบรรพชิตให้ยอมบวชเป็นศิษย์ในสำนักของเขา เพราะฉะนั้นขอท่านจงให้พวกดิฉันบวชในสำนักของท่านเถิด

พระสารีบุตร ให้นางบวชกับ
พระอุบลวรรณาเถรี
ไม่นานได้บรรลุอรหัตตผลทั้งหมด

………………………………………………….
พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เห็นปัญญาของพระสารีบุตร
ผู้เป็นพระอรหันต์สาวกเบื้องขวา

ถามปัญหา1,000ข้อตอบได้ทั้ง1,000ข้อ
เรื่องนี้เกิดที่วัดเชตวันมหาวรวิหาร นครสาวัตถี แคว้นโกศล

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ