พระนางสุปปวาสาทรงคลอดพระสีวลีง่ายเพราะพุทธานุภาพ

พระนางสุปปวาสาทรงคลอดพระสีวลีง่ายเพราะพุทธานุภาพ

พระสีวลีอยู่ในพระครรภ์ครบกำหนดคลอดแล้วก็ยังไม่คลอด ทำให้พระนางทนทุกข์ทรมานทั้งกายและใจอยู่ ๗ ปี ๗ วัน 

ครั้งนั้น พระนางได้ตรัสขอให้พระสวามีไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วกราบทูลตามคำของพระนาง

พระสวามีทรงรับคำแล้วเสด็จเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ป่ากุณฑิฐานวัน ใกล้พระนครกุณฑิยา แล้วกราบทูลว่า ...

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดา ขอถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า 

ให้ตรัสถามถึงความมีพระอาพาธน้อย พระโรคเบาบาง ความกระปรี้กระเปร่าทรงพระกำลังและความอยู่สำราญของพระองค์

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาทรงครรภ์อยู่นานถึง ๗ ปี มีครรภ์หลงอยู่ ๗ วัน พระนางสรุปปวาสานั้นถูกทุกขเวทนากล้าเบียดเบียน แต่ทรงอดกลั้นอยู่ได้ด้วยการตรึก ๓ ข้อว่า

(๑) พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบหนอ ย่อมทรงแสดงธรรมเพื่อละทุกข์เห็นปานนี้

(๒)  พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ปฏิบัติดีหนอ ปฏิบัติเพื่อละทุกข์เห็นปานนี้

(๓)  นิพพานซึ่งเป็นที่ไม่มีทุกข์เห็นปานนี้ เป็นสุขดีหนอ”


เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า “พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาจงเป็นผู้มีความสุข หาโรคมิได้  คลอดบุตรหาโรคมิได้เถิด”

จบพระพุทธดำรัสนี้ พระนางสุปปวาสาทรงมีความสุข หาโรคมิได้ ประสูติพระโอรสผู้หาโรคมิได้แล้ว

พระสวามีของพระนางทูลรับพระพุทธดำรัสแล้ว ทรงชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จลุกจากที่ประทับนั่ง ถวายบังคม กระทำประทักษิณ เสด็จกลับพระราชนิเวศน์

ถึงแล้วได้ทรงเห็นว่าพระนางสุปปวาสาทรงมีความสุข หาโรคมิได้ ประสูติพระโอรสแล้ว ทรงดำริว่า

“น่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีมา พระตถาคตมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก บัดนี้ พระนางสุปปวาสาทรงมีความสุข ประสูติพระโอรสผู้หาโรคมิได้แล้ว”

ทรงปลาบปลื้มใจ เบิกบานใจ มีพระปีติโสมนัส
พระนางสุปปวาสาทูลขอให้พระสวามีเสด็จไปเข้าเฝ้ากราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า

บัดนี้พระนางประสูติพระโอรสแล้ว และให้ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ เสด็จรับภัตตาหารในพระราชนิเวศน์ของเราตลอด ๗ วัน พระสวามีได้เสด็จเข้าเฝ้า

และกราบทูลตามคำของพระนางแล้ว
เพราะเหตุที่เป็นทารกนั้นคลอดยาก แต่เมื่อคลอดแล้วทำจิตใจของหมู่ญาติที่กำลังเร่าร้อนให้ดับเย็น หมู่ญาติจึงตั้งชื่อให้ว่า “สีวลี”

พระโมคคัลลานะเลื่อนนิมนต์อุปฐากด้วยการประกันทรัพย์และชีวิตให้

วันนั้น อุบาสกคนหนึ่งผู้เป็นอุปัฏฐากของพระโมคคัลลานะ ได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์และพระพุทธเจ้าให้ฉันภัตในวันรุ่งขึ้น

พระพุทธเจ้าตรัสเรียกพระโมคคัลลานะมาว่า

“นี้แน่ะ โมคคัลลานะ เธอจงไปหาอุบาสกนั้น แล้วบอกเขาว่า ท่านผู้มีอายุ พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาทรงครรภ์อยู่นานถึง ๗ ปี ๗ วัน

บัดนี้พระนางทรงมีความสุขประสูติพระโอรสแล้ว ได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขด้วยภัตตาหารสิ้น ๗ วัน พระนางจักถวายภัตตาหารตลอด ๗ วัน

การรับนิมนต์ของท่านจักทำภายหลังจากนี้”

พระมหาโมคคัลลานะเถระทูลรับพระพุทธดำรัสแล้ว เข้าไปหาอุบาสกนั้นที่บ้าน แล้วกล่าวตามพระดำรัสนั้น

อุบาสกกล่าวว่า

“ได้อยู่ ท่านผู้เจริญ ถ้าพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้รับประกันธรรม ๓ อย่างให้กับกระผม คือ

(๑) โภคสมบัติ ท่านต้องรับประกันว่าทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้ายังคงอยู่ไม่สูญสลายด้วยเหตุใดๆก็ตาม ก่อนที่ถึงวันที่จะถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก

(๒) ชีวิต ท่านต้องรับประกันว่า ข้าพเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะได้ถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก ไม่สิ้นชีวิตเสียก่อน       

(๓) ศรัทธา ท่านต้องรับประกันว่า ข้าพเจ้าจะยังมีศรัทธาตั้งมั่น อยู่อย่างมั่นคง ไม่เสื่อมศรัทธาเสียก่อนที่จะได้ถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก

ถ้าท่านพระมหาโมคคัลลานะสามารถรับประกันทั้ง ๓ อย่างได้ไซร้  ก็ให้พระนางสุปปวาสาจงถวายภัตตาหารสิ้น ๗ วันเถิด กระผมจะกระทำให้ภายหลัง”

พระโมคคัลลานะ   :   ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อาตมาจะเป็นผู้รับประกันธรรม ๒ อย่างให้ คือ โภคสมบัติและชีวิตของท่านยังอยู่ถึงวันนั้น แต่ว่าศรัทธาตัวท่านจะต้องประกันด้วยตัวเอง

อุบาสก          :   ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าว่าพระมหาโมคคัลลานะเป็นผู้รับประกันเช่นนี้แล้ว พระนางสุปปวาสาก็จงถวายภัตตาหารตลอด ๗ วันเถิด

ท่านพระโมคคัลลาเถระยังอุบาสกนั้นให้ยินยอมด้วยดีแล้ว ได้เข้าเฝ้ากราบทูลให้พระศาสดทรงทราบ

ความอดทนของมารดาผู้ประเสริฐ
ปาฎิหาริย์ของความรัก…ที่มีต่อบุตร

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ