ปัตจัตจัง ธรรมทาน-: หน้าที่ 5 :-

ปัตจัตจัง ธรรมทาน

-: หน้าที่ 5 :-

..ฤทธิ์..

..ศีล..ทาน..ภาวนา..
ทำอย่างสม่ำเสมอ..เกิดคุณวิเศษ..แก่ตนนับเป็นจำนวนไม่ได้

..มีฤทธิ์ทางใจ..รู้อดีต..รู้อนาคต..
..ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง..อย่างที่ทุกคนเข้าใจ..รู้เฉพาะเหตุของทุกข์เท่านั้น..

ฤทธิ์มากเท่าไหร่..การต่อสู้กับใจทวีคูณ
คลื่นประชาชนที่อยากรู้..อยากเห็น..อยากแก้กรรม..มีค่าตอบแทนเป็นเงินทอง

..ข้อสอบของฤทธิ์..ก็ไม่ธรรมดา..

ก้าวผ่าน..ความโลภ..ด้วยสติ
หากรับเงินทองเขามา..คงต้องนั่งบอกเรื่อง..ที่เขาอยากรู้..ไม่จบ..ไม่สิ้น

ถามกันทั้งวัน..ไม่มีช่องว่างให้พัก
หลายคนอยากให้บอก..แต่ไม่ยอมรับความจริง

..รู้สึกโกรธ..
..เปลี่ยนไปพูดกับคนอื่น..

..ชี้ไปที่หลังศาลา..
บอก “อยากพูดเรื่องของโยม เป็นธรรมทานโยมอนุญาติมั้ย”
โยมยกมือไหว้ดีใจ บอกว่า “พูดเลยครับ!!
แม่ชีพูดว่า
“โยมมีกรรมกับเพชรนะคะ โยมทำอาชีพอะไร”
โยมตอบว่า.. “ผมขายเพชรครับ”

“ตาข้างซ้าย มองไม่เห็นใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ ผมไม่เคยบอกใครเลยครับ”

..เสียงในศาลาเงียบสงัด..
ความโกรธทำให้แสดงอารมณ์ความโอ้อวด 

พอรู้สึกตัวว่า โอ้อวด..ก็ตั้งสติ
เทศน์ถึงความโลภ..ที่ทำให้ตามองไม่เห็น

ทำอย่างไร..ที่จะไม่ขาดทุน..ในการมีชีวิตอย่างผู้มีฤทธิ์..มีข้อสอบตลอดเวลา
..ข่มอารมณ์..โกรธ..โลภ..หลง..มองทุกคนอย่างกัลยาณมิตร..และคิดซ้ำๆ ว่า 
กำลังเทศน์คำสอนของพระพุทธเจ้า
อย่างให้อารมณ์กิเลสอยู่เหนือสติ

กระทบอารมณ์..เศร้าหมองของคนที่ทุกข์
กระทบอารมณ์..ของคนที่มาจับผิด

..ความอดทน..คือ..มิตรแท้ในยามนี้..
..วางทุกอารมณ์..ที่ทำให้ใจ..เศร้าหมอง..
..ไม่แสดงความโกรธ..หรือ..ความเบื่อหน่ายที่จะบรรยายธรรม..

..ข้อธรรม..ทุกข้อ..
ล้วนสอนใจตน..ให้ระมัดระวังในการพูดพูด..ให้เขาเป็นทุกข์..เรารับกรรมทันที

ใชัปัญญา..ในการถ่ายทอดธรรมทาน
ไม่ให้เกิดกรรมซึ่งกันและกัน

ศาลาธรรม..แสดงให้เห็น..รากเหง้าแห่งกรรม..ส่งผลตามเวลา..ไม่คลาดเคลื่อน 
ทุกข์..โรคภัยไข้เจ็บ
ทุกข์..หนี้สิน
ทุกข์..ไม่สมหวัง
ทุกข์..ไม่มีจะกิน เรื่องลูก..เรื่องผัว..เรื่องเมีย

ความรู้..ที่ได้จากวิปัสสนา..ตอบได้ทุกคำถาม 

..ผู้ที่มีกรรมดี..
..กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา..
..เข้ามาสนทนา..อยากรู้ถึงวิบากกรรม..
ตอบไปว่าอีกไม่นานจะเสวยบุญที่ดูแลบุพการี..ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแน่นอน 

แต่อย่าได้ลดละ..ที่จะตอบแทนคุณบิดามารดา..ต่อไปเมื่อมีทรัพย์แล้ว
อย่าดูถูกคนที่ล้มเหลว 
หรือมองความชั่วของผู้อื่น เพราะกรรมไม่เคยยกเว้นใคร

..ทำทานด้วยใจที่เป็นกุศล..
ส่งผลเป็นคุณวิเศษ..ไม่อยากได้..ก็ได้
เจริญวิปัสสนากรรมฐาน..เพื่อรู้เท่าทัน
โลภ..โกรธ..หลง..ส่งผลให้มีปัญญารู้แจ้ง

ฤทธิ์..ทำให้ชีวิตเปลี่ยน
อยากไปไหน..ก็กำหนดหลับตา
ไปทุกที่..ด้วยฤทธิ์แห่งใจ

..ธรรมเป็นเครื่องอยู่..
มีสัจจะวาจา..ไม่เพ้อเจ้อ..เหลวไหล
วาจาศักดิ์สิทธ์..นี่ก็มีฤทธิ์อีก

มีฤทธิ์ก็ดี..แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เราต้องมีชีวิตร่วมกันแบบมนุษย์ 
ต้องกิน..ต้องนอน..ต้องอาบน้ำ..ชำระร่างกาย 

ฤทธ์ิ..ไม่ได้ทำให้สะอาด..หรือ..อิ่ม
ฤทธิ์เดช..อาจทำให้หลง จนเป็นบ้าได้ง่ายๆ
คิดได้ก็ผ่านไป..แต่ก็ติดอยู่นานเหมือนกัน

ไม่ได้หยุด..หรือ..พักเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน
เพียรนั่งพิจารณากายใจเป็นปรกติ
เหมือนบุญทานมารวมกันเป็นแม่น้ำใหญ่
หลับตาเป็นสมาธิทันที

ความเจ็บปวดเกิดบริเวณไหนของร่างกาย
ใจแยกออกจากกายทันที
ใจ..ออกมาดูความเจ็บปวดเร็วมาก
เร็วจนคิดว่า ความว่องไวของจิต
เป็นเช่นนี้

..ความลังเลสังสัย..
ความยึดมั่น..ถือมั่น..อัตตาตัวตน
อิจฉา..ริษยา..เข้ามาในใจ..ไม่เคยขาดหาย
..สักแต่ว่า..เป็นอารมณ์..ไม่ใช่แก่นสาร..

📍

ปักหมุด>>เราต้องอยู่เหนืออารมณ์เหล่านี้<<

..ประสบการณ์จริง..ที่ยังไม่บรรลุธรรม..

..สาธุปัตจัตตัง..ธรรมทาน..

..ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ..