กำเนิดนางขุชชุตตรา

กำเนิดนางขุชชุตตรา
ต่อมาวันหนึ่ง พระศาสดามีภิกษุสงฆ์แวดล้อม ประทับนั่งในเรือน ของหัวหน้าช่างทำดอกไม้ ขณะนั้นนางขุชชุตตรา
หญิงรับใช้พระนาง สามาวดี นำกหาปณะ ๘ กหาปณะไปเรือนนั้น

เพื่อต้องการดอกไม้ หัวหน้าช่างทำดอกไม้ เห็นนางก็กล่าวว่า แม่อุตตรา ไม่มีเวลาทำดอกไม้ ให้เธอดอก

ฉันจักเลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แม้เธอ ก็จงเป็นสหายในการเลี้ยงดูด้วย ด้วยอาการอย่างนี้

ตั้งแต่นี้ไป เธอก็ จักพ้นจากการต้องขวนขวายรับใช้คนเหล่าอื่น แต่นั้น

นางขุชชุตตรา บริโภคอาหารที่ตนได้แล้ว
ก็ทำการขวนขวายในโรงอาหาร เพื่อพระพุทธะทั้งหลาย

นางฟังธรรมที่พระศาสดาตรัสด้วยอำนาจอุปนิสันนกถา ไว้ได้ทั้งหมด แต่ฟังอนุโมทนาแล้วก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล

ในวันอื่น ๆ นางให้ ๔ กหาปณะ รับดอกไม้ทั้งหลายแล้วก็ไป แต่ในวันนั้นไม่เกิดจิตคิดอยากได้ในทรัพย์ของผู้อื่น

เพราะเป็นผู้เห็นสัจจะแล้ว จึงให้หมดทั้ง ๘ กหาปณะ แล้วบรรจุดอกไม้เต็มกระเช้า นำดอกไม้ไปสำนักพระนางสามาวดี

ลำดับนั้น พระนางตรัสถามนางว่า แม่อุตตรา ในวันก่อน ๆ เจ้านำดอกไม้มาไม่มากเลย แต่วันนี้ดอกไม้มาก พระราชาของเราทรงเลื่อมใสยิ่งขึ้นหรือ

นางไม่ปิดบังกรรมที่ตนทำแต่ก่อน เพราะเป็นผู้ไม่ควรพูดเท็จ บอกเรื่องทั้งหมดเลย ครั้นถูกถามว่า เพราะเหตุไรวันนี้จึงนำมามาก จึงกล่าวอย่างนี้ว่า

วันนี้ดิฉันฟังธรรมของพระทศพล กระทำให้แจ้งอมตธรรมแล้ว เพราะเหตุนั้นดิฉันจึงไม่หลอกลวง พวกท่านเจ้าค่ะ

สตรีทั้งหลายฟังคำนั้นแล้ว กล่าวว่า แม่อุตตรา เจ้าจงให้อมตธรรมที่เจ้าได้แล้ว แก่พวกเราด้วย

แล้วก็พากันเหยียดมือออกขอทุกคน นางจึงกล่าวว่า แม่เจ้าเอ๋ย ให้อย่างนั้นไม่ได้ดอก

แต่ดิฉันจักแสดงธรรมแก่ท่าน ตามทำนองที่พระศาสดาตรัสแล้ว เมื่อเหตุของตนมีอยู่ พวกท่านจักได้ธรรมนั้น

สตรีทั้งหลายกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น จงกล่าวเถิดแม่อุตตรา

นางกล่าวว่า จะกล่าวอย่างนั้นไม่ได้ดอก จงจัดอาสนะสูง ๆ แก่ดิฉัน พวกท่านจงนั่งอาสนะต่ำ ๆ

สตรีแม้ทั้ง ๕๐๐ นางนั้น ก็ให้อาสนะที่สูงแก่นางขุชชุตตรา ส่วนตนเองนั่งอาสนะ ที่ต่ำ แม้นางขุชชุตตราตั้งอยู่ในเสกขปฏิสัมภิทา แสดงธรรมแก่สตรีเหล่านั้น

จบเทศนา สตรีทั้งหมดมีพระนางสามาวดีเป็นพระประมุข ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ตั้งแต่นั้นมา

สตรีเหล่านั้นก็ให้นางขุชชุตตรา เลิกทำหน้าที่ทำงานรับใช้ แล้วกล่าวว่า ท่านฟังธรรมกถาของพระศาสดา แล้วนำมาให้พวกเราฟัง ตั้งแต่นั้นมา แม้นางขุชชุตตรา ก็ได้กระทำอย่างนั้น

ถามว่า ก็เพราะเหตุไร นางขุชชุตตรานี้ จึงบังเกิดเป็นทาสี

ตอบว่า ดังได้สดับมา

นางขุชชุตตรานี้ ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระนาม ว่า กัสสปะ ได้ให้สามเณรีรูปหนึ่งทำการรับใช้ตน ด้วยกรรมนั้น นางจึงบังเกิดเป็นทาสีของคนอื่นถึง ๕๐๐ ชาติ

ถามว่า เพราะเหตุไร จึงเป็น หญิงค่อม

ตอบว่า เขาเล่าว่า เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติ นางอยู่ใน ราชนิเวศน์ของพระเจ้ากรุงพาราณสี เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ประจำราชสกุลเป็นคนค่อม

จึงทำการเย้ยหยันต่อหน้าเหล่าสตรีที่อยู่ด้วย กันกับตน เที่ยวทำอาการว่าเป็นคนค่อม เพราะเหตุนั้น นางจึงบังเกิด เป็นหญิงค่อม

ถามว่า ก็นางทำบุญอะไรจึงเกิดเป็นผู้มีปัญญา

ตอบว่า เขาเล่าว่า เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติ นางบังเกิดแล้วอยู่ในราชนิเวศน์ของ พระเจ้ากรุงพาราณสี

เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ ถือบาตรที่เต็ม ด้วยข้าวปายาสร้อนจากราชนิเวศน์เดินไป กล่าวว่า

ท่านเจ้าข้า โปรด หยุดพักตรงนั้น แล้วค่อยไป จึงปลดทองปลายแขน ๘ วง ถวายไป ด้วยผลของกรรมนั้น นางจึงบังเกิดเป็นผู้มีปัญญา.ทองปลายแขนลองบาตรเพื่อไม่ให้ร้อน

ครั้งนั้นแล สตรี ๕๐๐ นาง บริวารของพระนางสามาวดี แม้จะบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปสำนักของพระศาสดา

เพื่อเฝ้าพระพุทธเจ้าตามกาลอันสมควร ทั้งนี้เพราะพระราชา
ไม่ทรงมีศรัทธา

เพราะเหตุนั้น เมื่อพระทศพลเสด็จพระราชดำเนินระหว่างถนน เหล่าสตรีทั้งหลายได้โอกาสเพื่อจะชมพระบารมีพระศาสดา แต่ครั้นเมื่อหน้าต่างทั้งหลายในพระราชวังมีไม่พอ

สตรีเหล่านั้นจึงเจาะช่องน้อยในห้องของตนมองดูพระศาสดา

ต่อมาวันหนึ่ง พระนางมาคัณฑิยา เสด็จดำเนินออกจากปราสาทของพระองค์ ไปยังที่อยู่ของสตรีเหล่านั้น

เห็นช่องน้อยในห้องจึงทรงถามว่า นี้อะไร เมื่อสตรีเหล่านั้นไม่รู้เรื่องการผูกอาฆาตในพระศาสดาของพระนางมาคัณฑิยาจึงทูลว่า

“พระศาสดาเสด็จมาพระนครนี้ พวกเรายืนที่ตรงนั้น จักเห็น จักบูชาพระศาสดา เจ้าค่ะ “

พระนางมาคัณฑิยาทรงเห็นว่า สตรีเหล่านี้เป็นอุปัฏฐายิกาของพระสมณโคดมนั้นจึงทรงพลอยผูกอาฆาตในสตรีเหล่านี้ไปด้วย ดังนั้นจึงได้เสด็จไปกราบทูลพระราชาว่า

“ข้าแต่พระมหาราชเจ้า สตรีเหล่านี้ พร้อมกับพระนางสามาวดี ปรารถนาจะออกไปภายนอก มันจะทำชีวิตของพระองค์ให้ม้วยมรณ์ที่สุด ๒-๓ วัน เพคะ “

พระราชาไม่ทรงเชื่อว่าสตรีเหล่านั้น จักกระทำอย่างนั้น แม้เมื่อพระนางมาคัณฑิยาทูลอีก ก็ไม่ทรงเชื่ออยู่นั่นเอง

ครั้งนั้น แม้เมื่อพระนางกราบทูลถึง ๓ ครั้ง พระราชาก็มิได้ทรงเชื่อ พระนางมาคัณฑิยาจึงกราบทูลว่า

“ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อ ขอพระองค์โปรดเสด็จไปยังที่อยู่ของสตรีเหล่านั้นแล้วทรงสอบสวนดู เพคะ “
พระราชาเสด็จไปพบช่องในห้องทั้งหลายจึงตรัสถามว่า อะไร เมื่อเขากราบทูลความข้อนั้น ก็มิได้ทรงกริ้วสตรีเหล่านั้น ไม่ตรัสอะไร เพียงรับสั่งให้ปิดช่องเหล่านั้นเสีย

พระนางมาคัณฑิยาตรัสว่า พระนางสามาวดีกับบริวารไม่ทรงมีความเยื่อใย หรือความรักในพระองค์ เมื่อหน้าต่างมีไม่พอ จึงเจาะช่องเหล่านั้น สร้างโอกาสในการมองดูพระสมณโคดม เสด็จไประหว่างถนน

ตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็มีรับสั่งให้ปิดช่องทั้งหลายเสีย แล้วให้ทำหน้าต่างมีช่องน้อยไว้ในห้องทั้งปวง ได้ยินว่า หน้าต่างมีช่องน้อยทั้งหลาย เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในครั้งนั้น

พระนางมาคัณฑิยาหาความด้วยเรื่องไก่
พระนางมาคัณฑิยานั้นเมื่อไม่อาจทำพระราชาให้ทรงกริ้วด้วยเหตุนั้นได้ วันหนึ่ง จึงได้ส่งข่าวไปบอกแก่นายมาคัณฑิยะผู้เป็นอา

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
…………………………………………………………………………….
นางสามาวดีเป็นชายาของพระราชาองค์เดียวกันกับ
นางมาคัณฑิยาผู้อาฆาตสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คนดีหาเรื่องทำดีทุกวัน

คนชั่ว หาเรื่องทำชั่วทุกโอกาส

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ