การแสดงตนในการปฏิบัติธรรม

การแสดงตนในการปฎิบัติธรรม
เริ่มต้นที่รักษาศีล5-8 ต่อเนื่องด้วยการสวดมนต์ เมื่อศีลบริสุทธิการสวดย่อมเกิดคุณของพระรัตนตรัยตามลำดับ

จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ขณะที่สวดมนต์จิตจะจดจ่ออยู่กับบทสวดไม่วอกแวกวุ่นวายไปในที่อื่น จึงมีความสงบเกิดสมาธิมั่นคง สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส เพราะการสวดมนต์จัดว่าเป็นการทำสมาธิขั้นต้นอย่างหยาบๆ เป็นการรวบรวมจิตที่ฟุ้งซ่านต่างๆ ให้สงบระงับในเบื้องต้น

เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย บทสวดมนต์แต่ละบทเป็นการกล่าวถึงคุณของพระพุทธเจ้า กล่าวถึงพระธรรมที่เป็นคำสั่งสอน เป็นการบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร จะปฏิบัติอย่างไร

สติมาปัญญาเกิด ถ้าสวดพร้อมกับคำแปลก็จะเกิดสติปัญญาเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า รู้เห็นตามความเป็นจริง สามารถดับทุกข์ได้ตามกำลังสติปัญญาของแต่ละคน นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้

จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา การแผ่เมตตาเป็นการมอบความรักความปรารถนาดีให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว เป็นอุบายกำจัดความโกรธให้เบาบางลงไป พบแต่ความสุขสงบ

คลายความเครียด ในขณะสวดมนต์จิตจะจดจ่อกับบทสวด สมองจะปลอดโปร่ง ไม่คิดในเรื่องที่ทำให้เครียด จึงทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย

เพิ่มพูนบุญบารมี ขณะที่สวดมนต์จิตใจจะสะอาด ปราศจากกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงเป็นบ่อเกิดแห่งบุญบารมี เมื่อสั่งสมมากเข้าก็จะเป็นทุนสนับสนุนให้บรรลุผลตามที่ต้องการได้

ขันติบารมีย่อมเพิ่มพูน ขณะที่สวดมนต์ต้องใช้ความอดทนอย่างสูงเพื่อเอาชนะความปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย รวมทั้งอารมณ์ฝ่ายต่ำที่จะเข้ามากระทบจิตใจทำให้เกิดความเกียจคร้าน ดังนั้น ยิ่งสวดบ่อยๆ ความอดทนก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น

พิชิตใจผู้คนให้รักใคร่ การสวดมนต์เป็นประจำจะทำให้ศัตรูกลายเป็นมิตร ผู้ที่เป็นมิตรอยู่แล้วก็รักใคร่กลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น แม้คนที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันก็จะหันกลับมาคืนดีในที่สุด

ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย การสวดมนต์เป็นประจำ จะทำให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ในยามโชคร้ายประสบเคราะห์กรรมอันจะมีมาถึงตัว เพราะจะทำให้มีสติอยู่ตลอดเวลา

มนต์บางบทพระพุทธเจ้าเคยใช้เมื่อตอนบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ใช้สวดเพื่อคุ้มครองป้องกันตนเองและพวกพ้องบริวารให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง

ครอบครัวเป็นสุขสดใส การสวดมนต์เป็นการสร้างความสุข และเกิดความสามัคคีในครอบครัว

เป็นการรักษาไว้ซึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้า

หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานได้ไม่นาน

พระมหากัสสปะได้เป็นประธานในการรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เป็นหมวดหมู่และไม่ให้เกิดการสูญหาย

สมัยนั้นยังไม่มีการจารึกคำสอนเป็นลายลักษณ์อักษร ยังใช้การท่องจำที่เรียกว่า “มุขะปาฐะ”

เมื่อพระสงฆ์รวบรวมคำสอนเป็นหมวดหมู่แล้ว ก็ให้พระสงฆ์ท่องจำเข้าไว้ จึงเกิดเป็นการสวดมนต์

บทสวดมนต์เหล่านั้นก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้า

บทที่เราควรสวดคือ “ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร” เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นพระธรรมเทศนาที่พระพุทธองค์แสดงเป็นครั้งแรก ที่เรียกว่า “ปฐมเทศนา”พระธรรมที่ทำให้ตรัสรู้

ถวายเสียงเป็นพุทธบูชามีอานิสงส์นับไม่ได้

พระธรรมของพระพุทธองค์อัศจรรย์
“ปัตจัตตัง”เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน

ชีวิตที่แช่อยู่ในกิเลสตลอดเวลา
เมื่อเริ่มลงมือปฎิบัติ
กิเลสทั้งหลายจะไหลเข้ามาในความคิด
ทำให้เกิดความละอายเกรงกลัวต่อบาป

หากกำลังสวดมีจิตเป็นอกุศลก็สวดให้เสียงดังขึ้น
อย่าละสายตาจากตัวหนังสือ

ค่อยเป็นค่อยไปทำให้สม่ำเสมอ
เหมือนผึ้งสร้างรัง
ศีลคือรังผึ้ง..น้ำผึ้งคือผลของการสวดมนต์

ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ