๕. ชิณณสูตร ว่าด้วยความแก่

๕. ชิณณสูตร
ว่าด้วยความแก่
[๑๔๘]    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
           สมัยหนึ่ง    พระผู้มีพระภาคประทับอยู่    ณ    พระเวฬุวัน    ฯลฯ
           ครั้งนั้น    ท่านพระมหากัสสปะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ    ถวายอภิวาทแล้วนั่ง    ณ    ที่สมควร    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับท่านพระมหากัสสปะดังนี้ว่า
“กัสสปะ    บัดนี้เธอแก่แล้ว    ผ้าป่านบังสุกุลเหล่านี้ของเธอหนัก    ไม่น่านุ่งห่มเพราะฉะนั้น    เธอจงใช้สอยคหบดีจีวร(๑-)    จงบริโภคโภชนะที่เขานิมนต์    และจงอยู่ในสำนักของเราเถิด”
           “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   เป็นเวลานานมาแล้ว   ข้าพระองค์เป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการอยู่ป่าเป็นวัตร    เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร    เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร    เป็นผู้ทรงไตรจีวรเป็นวัตรและกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการทรงไตรจีวรเป็นวัตร    เป็นผู้มักน้อย    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความมักน้อย    เป็นผู้สันโดษ    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสันโดษ    สงัดจากหมู่    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสงัดจากหมู่    ไม่คลุกคลีด้วยหมู่    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความไม่คลุกคลีด้วยหมู่    เป็นผู้ปรารภความเพียร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการปรารภความเพียร    ตลอดกาลนาน”
“เธอพิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์อะไรจึงเป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการอยู่ป่าเป็นวัตร    เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร    เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร    เป็นผู้ทรงไตรจีวรเป็นวัตรและกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการทรงไตรจีวรเป็นวัตร    เป็นผู้มักน้อย    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความมักน้อย    เป็นผู้สันโดษ    และกล่าว

เชิงอรรถ
๑ คหบดีจีวร  ในที่นี้หมายถึงผ้าจีวรที่พวกคหบดีถวายแก่ภิกษุเพื่อใช้เป็นผ้าบังสุกุลสำหรับนุ่งห่ม  (สํ.นิ.อ.
  ๒/๑๔๘/๑๙๑)
สรรเสริญคุณแห่งความสันโดษ    สงัดจากหมู่    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสงัดจากหมู่    ไม่คลุกคลีด้วยหมู่    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความไม่คลุกคลีด้วยหมู่    เป็นผู้ปรารภความเพียร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการปรารภความเพียร    ตลอดกาลนาน
“ข้าพระองค์พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์    ๒    ประการ    จึงเป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตรและกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการอยู่ป่าเป็นวัตร    เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร    …เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร  …  เป็นผู้ทรงไตรจีวรเป็นวัตร  …  เป็นผู้มักน้อย    …เป็นผู้สันโดษ  …  เป็นผู้สงัดจากหมู่  …  ไม่คลุกคลีด้วยหมู่  …  เป็นผู้ปรารภความเพียรและกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการปรารภความเพียร    ตลอดกาลนาน
           คือ    พิจารณาเห็นการอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน(๑-)    และอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลังว่า    ทำอย่างไรหมู่ชนในภายหลังพึงถึงการประพฤติตามแบบอย่างว่า    ได้ยินว่าพระพุทธเจ้าและพระพุทธสาวกที่ได้มีมาแล้ว    ท่านเป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการอยู่ป่าเป็นวัตร    ตลอดกาลนาน    ฯลฯ    เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร  …  เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร  …  เป็นผู้ทรงไตรจีวรเป็นวัตร  …  เป็นผู้มักน้อย  …  เป็นผู้สันโดษ  …  เป็นผู้สงัดจากหมู่  …  ไม่คลุกคลีด้วยหมู่  …  เป็นผู้ปรารภความเพียร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการปรารภความเพียร    อย่างนี้
           ท่านเหล่านั้นจักปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น    ข้อปฏิบัติของท่านเหล่านั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์    เพื่อความสุขตลอดกาลนาน
           ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    ข้าพระองค์พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์    ๒    ประการนี้จึงเป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการอยู่ป่าเป็นวัตร  …  เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร  …  เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร  …  เป็นผู้ทรงไตรจีวรเป็นวัตร  …  

เชิงอรรถ
๑ การอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน  ในที่นี้หมายถึงการอยู่ป่าเป็นวัตรอันเป็นสถานที่สัปปายะแก่การ
  ประพฤติธรรม  เพราะไม่มีเสียงรบกวนเหมือนอยู่ในบ้าน  (สํ.นิ.อ.  ๒/๑๔๘/๑๙๒)

เป็นผู้มักน้อย  …  เป็นผู้สันโดษ  …  เป็นผู้สงัดจากหมู่  …  ไม่คลุกคลีด้วยหมู่  …  เป็นผู้ปรารภความเพียร    และกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการปรารภความเพียรตลอดกาลนาน”
“ดีละ    ดีละ    กัสสปะ    ได้ยินว่า    เธอปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมากเพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก    เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก    เพื่อประโยชน์เกื้อกูล    เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย    เพราะฉะนั้น    เธอจงนุ่งห่มผ้าป่านบังสุกุลที่ใช้แล้ว(๑-)    จงเที่ยวบิณฑบาต    และจงอยู่ในป่าเถิด”
พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ (ภาษาไทย ๑) เล่มที่ ๑๖  ข้อ ๑๔๘  หน้า ๒๔๑

 —————
แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ