อ่านหนังสือวันละหน้าปี2020
10นาทีชีวิตเปลี่ยน
สัตว์โลก
แม่รู้มั้ยว่าโรคระบาดเกิดจากอะไร?
แม่จะอธิบายถึงสัตว์โลกที่ไม่ใช่มนุษย์ ถูกเบียดเบียนด้วยน้ำมือมนุษย์ทุกวัน วันละมากมายนัก มนุษย์ส่วนใหญ่ดื่มนมวัวนมควายทุกวันแทบทุกคน กินนมเพื่อให้ระบบในร่างกายขับถ่ายเป็นปรกติ ดื่มเป็นชีวิตประจำวัน
การประกอบอาชีพเลี้ยงสัตวเพื่อรีดนมขาย
ต้องฉีดยาฆ่าแมลงในโรงเรือน ต้องฉีดยาเร่งน้ำนมเหมือนใส่ปุ๋ยต้นไม้ ฝืนธรรมชาติ
ต้องใช้วัวนมกี่ตัวเพื่อเลี้ยงคนทั้งโลก เลี้ยงมากก็เบียดเบียนสัตว์อื่นมาก ที่จริงมนุษย์กินสัตว์เป็นอาหารมานาน
เรือลากปลาในทะเล ฟามสัตว์ต่างๆถูกมนุษย์กลืนกินมหาศาล ความเคยชินทำให้ ไม่รู้สึกว่าแปลก
พระพุทธศาสนาสอนให้แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นมีส่วนในกุศลความดีที่มนุษย์อย่างพวกเรา สวดมนต์ภาวนา รักษาศีล5
เราเคยดื่มกินเป็นเลือดเป็นเนื้อเป็นกระดูก
เพื่อการไม่จองเวร ด้วยการแผ่เมตตา
หากเราไม่แผ่เมตตาได้มั้ย ได้ไม่มีใครว่าไม่ผิดกฎหมาย ร่างกายของเราปนเปื้อนเลือดเนื้อจากการกินตลอดชีวิต ตายไปเกิดใหม่ก็เกิดเป็นสัตว์ที่เคยกินบ้างขายบ้าง วนเวียนไปวนไป
สัตว์เดรัจฉานมีสัญชาตญานตรง ต่อสู้เอาชีวิตรอด สืบพันธุ์ตามธรรมชาติ มีลูกเป็นตัวเมียก็สืบพันธุ์ต่อๆกันเป็นธรรมชาติของสัตว์วัฎจักรของสัตว์เดรัจฉาน
…การหาทางหลุดพ้นจากการเกิดเริ่มขึ้น…
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อริสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์=สภาวะที่บีบคั้นบกพร่องความปรารถนาไม่สมหวัง
สมุทัย=สาเหตุที่เกิดทุกข์คือตัณหาทั้งสาม
นิโรท=ภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไปคือนิพพาน
มรรค=ข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ทรงแสดงธรรมเทศนาด้วยธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
==คำแปลบางส่วนในบทสวดธรรมจักร==
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ออกบวชแสวงหาความหลุดพ้น ไม่ควรปฎิบัติตน 2 ประการ
1 การแสวงหาความสุขทางกามคุณ แบบสุดโต่ง ซึ่งทำให้จิตใจต่ำทราม เป็นเรื่องของชาวบ้านที่มีความใคร่ เป็นเรื่องของคนมีกิเลสหนาไม่ใช่เป็นสิ่งประเสริฐ คือมีแต่จะก่อให้เกิดข้าศึกคือกิเลส ไม่มีสาระประโยชน์
2 การปฏิบัติตนแบบก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน เป็นสภาวะที่ทนได้ยาก ไม่ใช่สิ่งประเสริฐ คือ มีแต่จะก่อให้เกิดข้าศึก คือ กิเลสไม่มีสาระประโยชน์
ภิกษุทั้งหลาย หลักปฏิบัติอันเป็น ทางสายกลาง หลีกเลี่ยงจากการปฏิบัติแบบสุดโต่ง ซึ่งเราตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว
ด้วยปัญญาอันยวดยิ่ง เห็นได้ด้วยตาใน
รู้ด้วยญาณภายใน เป็นไปเพื่อความสงบกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้อย่างทั่วถึง เพื่อความดับกิเลสและกองทุกข์ ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ 8
1ความเห็นชอบ 2ความดำริชอบ
3วาจาชอบ 4การงานชอบ
5เลี้ยงชีวิตชอบ 6ความเพียรชอบ
7ความระลึกชอบ 8ความตั้งจิตชอบ
ภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจ คือ ความจริงที่ช่วยมนุษย์ให้เป็นผู้ประเสริฐเกี่ยวกับการพิจารณาเห็นทุกข์ เป็นอย่างนี้ คือ การเข้าใจว่า “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ล้วนแต่ เป็นทุกข์
แม้แต่ความโศรกเศร้าเสียใจ ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กายทุกข์ใจ ทั้งความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
พลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปราถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่อ การยึดมั่นแบบฝังใจ ว่า เบญจขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น อัตตา เป็นตัวเรา เป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์แท้จริง
ภิกษุทั้งหลาย เหตุทำให้เกิดความทุกข์
สมุทัยมีอย่างนี้ คือ ความอยากเกินควร
ที่เรียกว่า ทะยานอยาก ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นไปด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความเพลิดเพลิน มัวเพลิดเพลินอย่างหลงระเริงในสิ่งที่ก่อให้เกิดความกำหนัดรักใคร่นั้นๆ ได้แก่
1ความทะยานอยากในสิ่งที่ก่อให้เกิดความใคร่
2ความทะยานอยากในความอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่
3ความทะยานอยากในความที่จะพ้นจากภาวะที่ไม่อยากเป็นเช่น ไม่อยากจะเป็นคนไร้เกียรติ ไร้ยศ เป็นต้น อยากจะดับสูญไปเลย ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย นิโรธ คือ ความดับทุกข์อย่างแท้จริง คือ ดับความกำหนัดอย่างสิ้นเชิง
มิให้ตัณหาเหลือยู่ สละตัณหา ปล่อยวางตัณหาข้ามพ้นจากตัณหา ไม่มีเยื่อใยในตัณหา
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเสร็จ
พระอัญญาโกณฑัณญะมีดวงตาเห็นธรรมเป็นพระอรหันต์องค์แรก
เกิดพระรัตนตรัยขึ้นในโลกทันที
การเกิดเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐจึงต้องมีศีล
ที่บริสุทธิ์ด้วยกายวาจาใจ มีเส้นทางในการดำเนินชีวิตด้วยมรรค8
เมื่อไม่มีศีลความประเสริฐจึงไม่มี ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ยอมรับกฎแห่งกรรม ไม่ยอมรับกฎธรรมชาติ ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์
พิจารณาแล้วสัตว์โลกเช่นกุ้งปลาในทะเล
มีไข่ในท้องนับไม่ถ้วน ทั้งเกิดและตายในเวลาเดียวกันถึง5มหาสมุทรในโลกนี้
ปลาเล็กถูกปลาใหญ่กินเป็นธรรมดา
ปลาใหญ่ถูกปลาเล็กกินเมื่อลำตัวมีบาดแผลก็เป็นธรรมดาของธรรมชาติ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อะไรก็เกิดขึ้นได้
ไม่อยู่ในการบังคับบัญชาของใคร
การเกิดจึงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
การปฎิบัติธรรมรักษาศีล สวดมนต์
เจริญวิปัสสนากัมมัฎฐาน ด้วยกายวาจาใจ
เจริญอยู่ในอริยมรรคย่อมหลุดพ้น
ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดเรียกว่า นิพพาน
อย่าเสาะหาว่าโลกใบนี้เกิดอะไร
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เป็นเช่นนี้เอง
==อย่าประมาท==
ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ