หลวงปู่ชอบ ฐานสโม องค์ท่านเล่าประวัติตาผ้าขาวถ้ำนายม ผู้บรรลุธรรม ” พระอานาคมี ”
ตาผ้าขาวนายมท่านนี้มีชื่อว่า “ พ่อสง่า ”
อายุหกสิบกว่าปี พ่อสง่าท่านเป็นคนบ้านนายม ตำบลนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
พ่อสง่ามีลูกสาวลูกชายทั้งหมดสี่คน พอภรรยาตาย
พ่อสง่าอยากจะบวชเพื่ออุทิศบุญให้กับภรรยาคู่ชีวิตของท่าน
แต่ลูกๆทุกคนไม่อยากให้พ่อบวชเพราะเป็นห่วง
เกรงว่าพ่อจะลำบากเนื่องจากพ่อสง่ามีอายุมากแล้ว..
เมื่อลูกไม่ให้บวชพ่อสง่าจึงประพฤติพรหมจรรย์
โดยการถือศีลแปดฝึกฝนอบรมสมาธิทุกวันอยู่ที่บ้าน
พ่อสง่าจะอยู่ปฏิบัติสลับกันไปมาระหว่างบ้านกับวัด
วันธรรมดาก็จะปฏิบัติอยู่ที่บ้านของตนเอง
วันพระก็จะไปปฏิบัติอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน..
พ่อสง่าท่านเป็นผู้ที่มีวาสนารู้ธรรมได้เร็วมาก
ท่านปฏิบัติภาวนาอยู่ที่บ้านจนบรรลุธรรมเบื้องต้นเป็นพระโสดาบัน
จากนั้นท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
อยากออกไปปฏิบัติตามป่าเขาโดยเพียงลำพัง
ท่านจึงบอกลูกหลานว่าจะไปอยู่ถือศีลภาวนาอยู่ที่ถ้ำนายม..
แรกๆเมื่อมาอยู่ที่ถ้ำนายมตาผ้าขาวสง่าท่านจะพักเพียงคืนสองคืนก็กลับมาที่บ้านครั้งหนึ่ง
ต่อมาพอเข้าพรรษาท่านก็ขอลูกหลานมาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม
เบื้องต้นลููกหลานก็คัดค้านเพราะเป็นห่วงพ่อ
อยากให้พ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน
แต่ท่านไม่อยากจำพรรษาที่วัดในหมู่บ้าน
เพราะมีเหตุบางอย่างที่มันติดขัดกับธรรมอยู่ในใจของท่าน
สุดท้ายลูกหลานก็ยอมให้พ่อไปถือศีลภาวนา
จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม..
ตาผ้าขาวสง่ามาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายมได้ไม่ถึงเดือน
ลูกหลานก็พากันมาอ้อนวอนรบเร้าให้ท่านกลับไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นห่วงพ่อ
ตาผ้าขาวท่านจึงขอกับลูกหลานว่าออกพรรษาพ่อถึงจะกลับบ้าน
พ่อขอจำศีลภาวนาอยู่ที่นี่ให้พ้นพรรษาตามที่ได้ตั้งสัจจะวาจาไว้ ลูกหลานก็จนใจจำยอม ลูกหลานจะพากันมาเยี่ยมนำเสบียงมาส่งให้ท่านทุกสามสี่วันครั้งหนึ่ง..
พอออกพรรษาตาผ้าขาวสง่าท่านก็ไม่ยอมกลับบ้าน
ลูกหลานพากันมาอ้อนวอนให้กลับบ้านอย่างไรท่านก็ไม่ยอมกลับ
เมื่อรบเร้าอ้อนวอนเท่าไหร่พ่อก็ไม่ยอมกลับบ้าน
ลูกชายกับลูกเขยจึงพากันจับตาผ้าขาวมัดมือมัดเท้าแบกท่านกลับบ้าน..
หลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้
องค์ท่านถึงกับสลดใจ
ต่างคนต่างภูมิจึงไม่รู้ข้างในจิตใจกัน
ที่ตาผ้าขาวท่านไม่อยากอยู่บ้าน
เพราะท่านไม่อยากให้ลูกหลานญาติพี่น้องของท่านเป็นกรรม
ซึ่งบางครั้งเขาอาจเผลอสติประมาทพลาดพลั้งท่าน
ตามประสากิเลสของใจตนบงการ
ตาผ้าขาวสง่าบอกท่านไว้ว่า
ลูกหลานของข้าน้อยจะพากันมาเอาตัวข้าน้อยกลับบ้าน
ถ้าวันใดลูกหลานมาคุมตัวข้าน้อยกลับบ้าน
อายุขัยของข้าน้อยก็จะสั้นลง
เมื่อหลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้
องค์ท่านถึงกับสลดใจ..
ตาผ้าขาวกลับไปอยู่บ้านได้สองสามวัน
พอลูกหลานเผลอก็แอบหนีออกจากบ้านกลับมาที่ถ้ำนายม
เพื่อมากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบเป็นครั้งสุดท้าย
ตาผ้าขาวสง่ามากราบลาและบอกกับองค์ท่านว่า
ชาตินี้ข้าน้อยบ่มีวาสนาที่จะได้บวชเหมือนกับอาจารย์
ข้าน้อยบ่ได้สร้างบารมีทางนี้มา
จากนี้ไปบ่นานดอกอายุขัยของข้าน้อยก็จะสิ้นแล้ว
ข้าน้อยจะตายด้วยโรคลมปัจจุบัน
เป็นเหตุให้ตนเองตกบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบตาย..
ตาผ้าขาวเล่าถึงอดีตกรรมของท่านให้หลวงปู่ชอบฟังว่า
เหตุที่ชาตินี้ตนเองไม่ได้บวชเพราะอดีตชาติครั้งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฐิ
ตำหนิพระสงฆ์องค์เณรว่าเป็นคนเกียจคร้านไม่อยากทำงานจึงหนีไปบวช
ลูกชายของตนเองในชาตินั้นมีศรัทธาอยากจะออกบวช
ตนเองไม่อนุญาตห้ามลูกไว้ไม่ให้บวช
กรรมนี้จึงส่งผลมาในชาติปัจจุบันเป็นเหตุให้ตนเองถูกขัดขวางไม่ให้บวช..
อีกชาติหนึ่งของตาผ้าขาว
ท่านเคยเกิดเป็นนาย เพชฌฆาต
มีหน้าที่จับนักโทษประหารโยนลงเหว
กรรมนี้จะเป็นเหตุให้ตนเองตกจากที่สูงตายในชาติปัจจุบัน
ตาผ้าขาวบอกวันเวลาที่ตนเองจะตายให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบฟังทั้งหมด
ตาผ้าขาวมาพักอยู่กับท่านที่ถ้ำนายมหนึ่งคืน
พอพ้นอีกวันลูกหลานก็พากันมาตามให้ตาผ้าขาวสง่ากลับบ้าน
ตาผ้าขาวสง่ากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบกลับบ้านพร้อมกับลูกหลาน
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่ชอบท่านได้เห็นตาผ้าขาวสง่าตอนท่านมีชีวิต..
ตาผ้าขาวสง่าท่านกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไม่นานนัก
ท่านก็ตายตามวันเวลาที่ได้บอกกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบไว้ไม่มีผิด
วันที่ท่านตาผ้าขาวสง่าตายนั้น
ท่านเดินจงกรมอยู่ที่ระเบียงชานบ้านของตัวเอง
เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆท่านเป็นลมหน้ามืด
พลัดตกจากบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบอกตาย
วันเวลาการตายตรงกับที่ท่านได้บอกกับหลวงปู่ชอบไว้ว่า
ท่านจะตายตอนพระเณรฉันเพล..
หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า
ผู้ที่สำเร็จคุณธรรมเป็นพระอริยะบุคคลไม่ว่าชั้นใดก็ตาม
ท่านจะอยู่ร่วมครองเรือนกับฆราวาสทั่วไปลำบาก
การอยู่ครองเรือนย่อมจะมีกระทบกระทั่งกันทางอารมณ์
ผู้ที่มีภูมิธรรมท่านจะรู้จักละปลงปล่อยวางเป็น
แต่ปุถุชนคนธรรมดาจะละวางไม่เป็น
เมื่อมีเหตุกระทบกันจะทำให้เป็นบาปกรรมได้..
ด้วยวิสัยของท่านผู้มีภูมิธรรม
ท่านจะพิจารณาถึงอนาคตข้างหน้าของตนเอง
หากท่านมีวาสนาทางเนกขัมมะบารมีท่านก็จะออกบวชเพื่ออยู่โปรดสัตว์โลก
หากท่านพิจารณาเห็นตนเองไม่มีวาสนาบารมีในทางนี้
ท่านก็จะพิจารณาปลงสังขารละขันธ์ไปในที่สุด..